๕.
ภวนฺตสงฺขารชายมานปญฺโห
๕. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน,
อตฺถิ เกจิ สงฺขารา, เย อภวนฺตา ชายนฺตี’’ติ? ‘‘นตฺถิ มหาราช เกจิ สงฺขารา, เย อภวนฺตา ชายนฺติ, ภวนฺตาเยว โข มหาราช สงฺขารา
ชายนฺตี’’ติฯ
‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติฯ ‘‘ตํ กิํ
มญฺญสิ มหาราช อิทํ เคหํ อภวนฺตํ ชาตํ, ยตฺถ ตฺวํ นิสินฺโนสี’’ติ? ‘‘นตฺถิ
กิญฺจิ ภนฺเต อิธ อภวนฺตํ ชาตํ, ภวนฺตํเยว ชาตํ, อิมานิ โข ภนฺเต ทารูนิ วเน อเหสุํ, อยญฺจ มตฺติกา
ปถวิยํ อโหสิ, อิตฺถีนญฺจ ปุริสานญฺจ ตชฺเชน วายาเมน เอวมิทํ
เคหํ นิพฺพตฺต’’นฺติฯ ‘‘เอวเมว โข มหาราช
นตฺถิ เกจิ สงฺขารา, เย อภวนฺตา ชายนฺติ, ภวนฺตา เยว สงฺขารา ชายนฺตี’’ติฯ
‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติฯ ‘‘ยถา
มหาราช เย เกจิ พีชคามภูตคามา ปถวิยํ นิกฺขิตฺตา อนุปุพฺเพน วุฑฺฒิํ วิรูฬฺหิํ
เวปุลฺลํ อาปชฺชมานา ปุปฺผานิ จ ผลานิ จ ทเทยฺยุํ, น เต
รุกฺขา อภวนฺตา ชาตา, ภวนฺตาเยว เต รุกฺขา ชาตาฯ เอวเมว โข มหาราช
นตฺถิ เกจิ สงฺขารา, เย อภวนฺตา ชายนฺติ, ภวนฺตาเยว เต สงฺขารา ชายนฺตี’’ติฯ
‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติฯ ‘‘ยถา
มหาราช กุมฺภกาโร ปถวิยา มตฺติกํ อุทฺธริตฺวา นานาภาชนานิ กโรติ, น ตานิ ภาชนานิ อภวนฺตานิ ชาตานิ, ภวนฺตานิเยว
ชาตานิฯ เอวเมว โข มหาราช นตฺถิ เกจิ สงฺขารา, เย อภวนฺตา
ชายนฺติ, ภวนฺตา เยว สงฺขารา ชายนฺตี’’ติฯ
‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติฯ ‘‘ยถา มหาราช วีณาย ปตฺตํ น สิยา, จมฺมํ น สิยา,
โทณิ น สิยา, ทณฺโฑ น สิยา, อุปวีโณ น สิยา, ตนฺติโย น สิยุํ, โกโณ น สิยา, ปุริสสฺส จ ตชฺโช วายาโม น สิยา,
ชาเยยฺย สทฺโท’’ติ? ‘‘น
หิ ภนฺเต’’ติฯ ‘‘ยโต จ โข มหาราช วีณาย
ปตฺตํ สิยา, จมฺมํ สิยา, โทณิ สิยา,
ทณฺโฑ สิยา, อุปวีโณ สิยา, ตนฺติโย สิยุํ, โกโณ สิยา, ปุริสสฺส
จ ตชฺโช วายาโม สิยา, ชาเยยฺย สทฺโท’’ติ?
‘‘อาม ภนฺเต ชาเยยฺยา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, นตฺถิ เกจิ
สงฺขารา, เย อภวนฺตา ชายนฺติ, ภวนฺตาเยว
โข สงฺขารา ชายนฺตี’’ติฯ
‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติฯ ‘‘ยถา
มหาราช อรณิ น สิยา, อรณิโปตโก น สิยา, อรณิโยตฺตกํ น สิยา, อุตฺตรารณิ น สิยา,
โจฬกํ น สิยา, ปุริสสฺส จ ตชฺโช วายาโม น สิยา,
ชาเยยฺย โส อคฺคี’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติฯ ‘‘ยโต จ โข มหาราช
อรณิ สิยา, อรณิโปตโก สิยา, อรณิโยตฺตกํ
สิยา, อุตฺตรารณิ สิยา, โจฬกํ สิยา,
ปุริสสฺส จ ตชฺโช วายาโม สิยา, ชาเยยฺย โส
อคฺคี’’ติ? ‘‘อาม ภนฺเต ชาเยยฺยา’’ติฯ ‘‘เอวเมว
โข มหาราช นตฺถิ เกจิ สงฺขารา, เย อภวนฺตา ชายนฺติ, ภวนฺตาเยว โข สงฺขารา ชายนฺตี’’ติฯ
‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติฯ ‘‘ยถา
มหาราช มณิ น สิยา, อาตโป น สิยา, โคมยํ
น สิยา, ชาเยยฺย โส อคฺคี’’ติ?
‘‘น หิ ภนฺเต’’ติฯ ‘‘ยโต
จ โข มหาราช มณิ สิยา, อาตโป สิยา, โคมยํ
สิยา, ชาเยยฺย โส อคฺคี’’ติ? ‘‘อาม ภนฺเต ชาเยยฺยา’’ติฯ ‘‘เอวเมว
โข มหาราช นตฺถิ เกจิ สงฺขารา เย อภวนฺตา ชายนฺติ, ภวนฺตาเยว
โข สงฺขารา ชายนฺตี’’ติฯ
‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติฯ ‘ยถา มหาราช อาทาโส น
สิยา, อาภา น สิยา, มุขํ น สิยา,
ชาเยยฺย อตฺตา’’ติ? ‘‘น
หิ ภนฺเต’’ติฯ ‘‘ยโต จ โข มหาราช อาทาโส
สิยา, อาภา สิยา, มุขํ สิยา, ชาเยยฺย อตฺตา’’ติ? ‘‘อาม ภนฺเต
ชาเยยฺยา’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข มหาราช นตฺถิ
เกจิ สงฺขารา, เย อภวนฺตา ชายนฺติ, ภวนฺตาเยว
โข สงฺขารา ชายนฺตี’’ติฯ
ภวนฺตสงฺขารชายมานปญฺโห
ปญฺจโม.
*****************
๕. ภวนฺตสงฺขารชายมานปญฺโห
๕.
ปัญหาเกี่ยวกับสังขารที่มีอยู่กำลังเกิด
๕. ราชา
พระเจ้ามิลินท์ อาห ตรัสถามว่า ภนฺเต นาคเสน พระคุณเจ้านาคเสน เกจิ
=
เอกจฺเจ สงฺขารา
สังขารท. บางอย่าง เย เหล่าใด อภวนฺตา = อวิชฺชมานา ที่เป็นสิ่งไม่มีอยู่[๑] ชายนฺติ
ย่อมเกิด, เต สงฺขารา สังขารท.เหล่านั้น อตฺถิ มีอยู่หรือ? อิติ
ดังนี้.
เถโร พระนาคเสนเถระ
อาห ทูลว่า มหาราช ขอถวายพระพรมหาบพิตร เกจิ สงฺขารา
สังขารท.บางอย่าง เย เหล่าใด อภวนฺตา ที่ไม่มีอยู่ ชายนฺติ ย่อมเกิด,
เต สงฺขารา สังขารท.เหล่านั้น นตฺถิ ย่อมไม่มี, มหาราช ขอถวายพระพรมหาบพิตร
สงฺขารา สังขารท. ภวนฺตาเยว โข ที่มีอยู่เท่านั้น ชายนฺติ
ย่อมเกิด อิติ ดังนี้.[๒]
ราชา
พระเจ้ามิลินท์ อาห ตรัสว่า ตฺวํ ขอพระคุณเจ้า กโรหิ จงกระทำ
โอปมฺมํ ซึ่งอุปมา อิติ ดังนี้.
เถโร พระนาคเสนเถระ
อาห ทูลว่า ตฺวํ มหาบพิตร มญฺญสิ
มีพระดำริ ตํ มยา วุตฺตวจนํ เกี่ยวกับถ้อยคำที่อาตมภาพจะกล่าวนั้น กิํ
อย่างไร, มหาราช ขอถวายพระพรมหาบพิตร
ตฺวํ มหาบพิตร นิสินฺโน อสิ ประทับนั่งอยู่ ยตฺถ เคเห
ในราชมณเฑียรใด, อิทํ เคหํ ราชมณเฑียรนี้ อภวนฺตํ เป็นสถานที่ไม่มี ชาตํ
เกิดขึ้นหรือ[๓] อิติ
ดังนี้.
ราชา
พระเจ้ามิลินท์ อาห ตรัสตอบว่า กิญฺจิ วัสดุไรๆ อิธ ในเรือนนี้ อภวนฺตํ เป็นสิ่งที่ไม่มี
ชาตํ เกิดขึ้น นตฺถิ ไม่มี ภนฺเต ดอกพระคุณเจ้า, ภวนฺตํ
เอว =
วิชฺชมานํ เอว เป็นสิ่งที่มีอยู่นั่นเทียว ชาตํ เกิดขึ้น, ทารูนิ ไม้ท. อิมานิ เหล่านี้ อเหสุํ ได้มีแล้ว
วเน ในป่า, อยํ มตฺติกา จ และดินนี้ อโหสิ ได้มีแล้ว ปถวิยํ
ที่แผ่นดิน, อิทํ เคหํ เรือนนี้ นิพฺพตฺตํ เกิดขึ้นแล้ว วายาเมน
ด้วยความพยายาม ตชฺเชน
อันควรแก่การสร้างเรือนนั้น อิตฺถีนํ จ
ของหญิงท. ปุริสานํ จ และของชายท. เอวํ อย่างนี้แหละ ภนฺเต
พระคุณเจ้า อิติ ดังนี้
เถโร พระนาคเสนเถระ
อาห ทูลว่า มหาราช ขอถวายพระพรมหาบพิตร เกจิ สงฺขารา
สังขารท.บางอย่าง เย เหล่าใด อภวนฺตา ที่เป็นสิ่งไม่มีอยู่ ชายนฺติ
ย่อมเกิด, เต สงฺขารา สังขารท.เหล่านั้น นตฺถิ ย่อมไม่มี, มหาราช
ขอถวายพระพรมหาบพิตร สงฺขารา สังขารท.ภวนฺตาเยว โข
ที่มีอยู่เท่านั้น ชายนฺติ ย่อมเกิด เอวเมว โข ฉะนี้ เหมือนกัน อิติ
ดังนี้.
ราชา
พระเจ้ามิลินท์ อาห ตรัสว่า ตฺวํ ขอพระคุณเจ้า กโรหิ จงกระทำ
โอปมฺมํ ซึ่งอุปมา ภิยฺโย ให้ยิ่งขึ้นไปเถิด อิติ ดังนี้.
เถโร พระนาคเสนเถระ
อาห ทูลว่า มหาราช ขอถวายพระพรมหาบพิตร เย เกจิ พีชคามภูตคามา[๔] ต้นไม้และพืชพันธ์
เหล่าใดเหล่าหนึ่ง นิกฺขิตฺตา ที่เขาปลูกไว้ ปถวิยํ ในพื้นดิน อาปชฺชมานา
เมื่อถึง วุฑฺฒิํ ความเจริญ วิรูฬฺหิํ ความงอกงาม เวปุลฺลํ
ความเติบโต อนุปุพฺเพน ตามลำดับ ทเทยฺยุํ พึงให้ ปุปฺผานิ จ
ซึ่งดอกท. ผลานิ จ และผลท., เต รุกฺขา ต้นไม้เหล่านั้น อภวนฺตา
จะเป็นต้นไม้ที่ไม่มีอยู่ ชาตา เกิดขึ้น น ก็หามิได้, เต รุกฺขา
ต้นไม้ท. เหล่านั้น ภวนฺตา เอว เป็นต้นไม้ที่มีอยู่ นั่นเทียว ชาตา จึงเกิดขึ้น
ยถา (ข้อนี้) เป็นฉันใด, เกจิ สงฺขารา สังขารท.บางอย่าง เย
เหล่าใด อภวนฺตา ที่ไม่มีอยู่ ชายนฺติ จะเกิดขึ้น, เต สงฺขารา
สังขารท.เหล่านั้น นตฺถิ ย่อมไม่มี, มหาราช ขอถวายพระพรมหาบพิตร สงฺขารา
สังขารท.ภวนฺตาเยว โข ที่มีอยู่เท่านั้น ชายนฺติ ย่อมเกิด เอวเมว
โข ฉะนี้ เหมือนกัน.
ราชา
พระเจ้ามิลินท์ อาห ตรัสว่า ตฺวํ ขอพระคุณเจ้า กโรหิ จงกระทำ
โอปมฺมํ ซึ่งอุปมา ภิยฺโย ให้ยิ่งขึ้นไปเถิด อิติ ดังนี้.
เถโร พระนาคเสนเถระ
อาห ทูลว่า มหาราช ขอถวายพระพรมหาบพิตร กุมฺภกาโร
ช่างปั้นหม้อ อุทฺธริตฺวา ขุด มตฺติกํ ดินเหนียว ปถวิยา
จากแผ่นดิน กโรติ แล้วนำมาปั้น นานา-ภาชนานิ ภาชนะต่างๆท., ตานิ
ภาชนานิ ภาชนะท.เหล่านั้น อภวนฺตานิ จะเป็นสิ่งที่ไม่เคยมี ชาตานิ
แล้วเกิดขึ้น น ก็หามิได้. ภวนฺตานิ เอว เป็นสิ่งที่มีแล้วนั่นแหละ ชาตานิ
เกิดขึ้น ยถา ข้อนี้เป็นฉันใด, เกจิ สงฺขารา สังขารท.บางอย่าง เย
เหล่าใด อภวนฺตา ที่มีอยู่ ชายนฺติ ย่อมเกิด,
เต สงฺขาราสังขารท.เหล่านั้น นตฺถิ ย่อมไม่มี, มหาราช ขอถวายพระพรมหาบพิตร สงฺขารา สังขารท.ภวนฺตาเยว
โข ที่มีอยู่เท่านั้น ชายนฺติ ย่อมเกิด เอวเมว โข
ฉะนี้เหมือนกัน.
ราชา
พระเจ้ามิลินท์ อาห ตรัสว่า ตฺวํ ขอพระคุณเจ้า กโรหิ จงกระทำ
โอปมฺมํ ซึ่งอุปมา ภิยฺโย ให้ยิ่งขึ้นไปเถิด อิติ ดังนี้.
เถโร พระนาคเสนเถระ
อาห ทูลว่า มหาราช ขอถวายพระพรมหาบพิตร ยถา เปรียบเหมือนว่า ปตฺตํ
ใบ วีณาย ของพิณ น สิยา ไม่พึงมี, จมฺมํ หนังพิณ น สิยา ไม่พึงมี,
โทณิ รางพิณ น สิยา ไม่พึงมี, ทณฺโฑ คันพิณ น
สิยา ไม่พึงมี, อุปวีโณ ลูกบิด น
สิยา ไม่พึงมี, ตนฺติโย สายพิณท. น สิยุํ ไม่พึงมี, โกโณ นมพิณ
น สิยา ไม่พึงมี, วายาโม ความพยายาม ตชฺโช
อันเหมาะแก่การดีดพิณ ปุริสสฺส ของบุรุษ น สิยา ไม่พึงมี, สทฺโท
เสียง ชาเยยฺย พึงเกิดขึ้น หรือ อิติ ดังนี้.
ราชา
พระเจ้ามิลินท์ อาห ตรัสตอบว่า สทฺโท เสียง
น ชาเยยฺย ไม่พึงเกิดขึ้น ภนฺเต ดอกพระคุณเจ้า อิติ
ดังนี้.
เถโร พระนาคเสนเถระ
อาห ทูลว่า มหาราช ขอถวายพระพรมหาบพิตร เกจิ สงฺขารา
สังขารท.บางอย่าง เย เหล่าใด อภวนฺตา ที่ไม่มีอยู่ ชายนฺติ
ย่อมเกิด, เต สงฺขารา สังขารท.เหล่านั้น นตฺถิ ย่อมไม่มี, มหาราช ขอถวายพระพรมหาบพิตร สงฺขารา สังขารท.
ภวนฺตาเยว โข ที่มีอยู่เท่านั้น ชายนฺติ ย่อมเกิด เอวเมว โข
ฉะนี้เหมือนกัน อิติ ดังนี้.
ราชา
พระเจ้ามิลินท์ อาห ตรัสว่า ตฺวํ ขอพระคุณเจ้า กโรหิ จงกระทำ
โอปมฺมํ ซึ่งอุปมา ภิยฺโย ให้ยิ่งขึ้นไปเถิด อิติ ดังนี้.
ราชา
พระเจ้ามิลินท์ อาห ตรัสตอบว่า อคฺคิ ไฟ น ชาเยยฺย
ไม่พึงเกิดขึ้น ภนฺเต ดอกพระคุณเจ้า อิติ ดังนี้.
เถโร พระนาคเสนเถระ
อาห ทูลว่า มหาราช ขอถวายพระพรมหาบพิตร ยโต เพราะ อรณิ
ไม้สีไฟ สิยา พึงมี, อรณิโปตโก
ลูกไม้สีไฟ สิยา พึงมี, อรณิโยตฺตกํ เชือกสำหรับผูกไม้สีไฟ สิยา พึงมี, อุตฺตรารณิ
ไม้สำหรับสีไฟข้างบน สิยา พึงมี, โจฬกํ
ฝอย สิยา พึงมี, วายาโม
ความพยายาม ตชฺโช อันเหมาะสมต่อการสีไฟนั้น ปุริสสฺส ของบุรุษ สิยา
พึงมี เพราะฉะนั้น โส อคฺคิ
ไฟนั้น ชาเยยฺย พึงเกิดใช่ไหม?
ราชา
พระเจ้ามิลินท์ อาห ตรัสตอบว่า อาม ใช่สิ ภนฺเต พระคุณเจ้า, โส
อคฺคิ ไฟนั้น ชาเยยฺย
พึงเกิดขึ้น อิติ ดังนี้.
มหาราช ขอถวายพระพรมหาบพิตร
เกจิ สงฺขารา สังขารท.บางอย่าง เย เหล่าใด อภวนฺตา ที่ไม่มีอยู่
ชายนฺติ ย่อมเกิด,
เต สงฺขารา สังขารท.เหล่านั้น นตฺถิ
ย่อมไม่มี, สงฺขารา สังขารท.
ภวนฺตาเยว โข ที่มีอยู่เท่านั้น ชายนฺติ ย่อมเกิด เอวเมว โข ฉันนั้น
อิติ ดังนี้.
ราชา
พระเจ้ามิลินท์ อาห ตรัสว่า ตฺวํ ขอพระคุณเจ้า กโรหิ จงกระทำ
โอปมฺมํ ซึ่งอุปมา ภิยฺโย ให้ยิ่งขึ้นไปเถิด อิติ ดังนี้.
เถโร พระนาคเสนเถระ
อาห ทูลว่า มหาราช ขอถวายพระพรมหาบพิตร ยถา เปรียบเหมือนว่า มณิ
แก้วมณี น สิยา ไม่พึงมี, อาตโป แสงแดด น สิยา ไม่พึงมี, โคมยํ
มูลวัวแห้ง น สิยา ไม่พึงมี, โส อคฺคิ ไฟนั้น ชาเยยฺย
พึงเกิดขึ้นหรือ?
ราชา
พระเจ้ามิลินท์ อาห ตรัสตอบว่า อคฺคิ ไฟ น ชาเยยฺย
ไม่พึงเกิดขึ้น ภนฺเต ดอกพระคุณเจ้า อิติ ดังนี้.
เถโร พระนาคเสนเถระ
อาห ทูลว่า มหาราช ขอถวายพระพรมหาบพิตร ยโต เพราะ มณิ
แก้วมณี สิยา พึงมี, อาตโป แสงแดด สิยา พึงมี, โคมยํ มูลโคแห้ง
สิยา พึงมี, โส อคฺคิ ไฟนั้น ชาเยยฺย พึงเกิดขึ้นหรือ? อิติ
ดังนี้.
ราชา
พระเจ้ามิลินท์ อาห ตรัสตอบว่า อาม ใช่สิ ภนฺเต
พระคุณเจ้า, โส อคฺคิ ไฟนั้น ชาเยยฺย
พึงเกิดขึ้น
อิติ
ดังนี้.
เถโร พระนาคเสนเถระ
อาห ทูลว่า มหาราช ขอถวายพระพรมหาบพิตร เกจิ สงฺขารา
สังขารท.บางอย่าง เย เหล่าใด อภวนฺตา ที่ไม่มีอยู่ ชายนฺติ
ย่อมเกิด, เต สงฺขารา สังขารท.เหล่านั้น นตฺถิ ย่อมไม่มี, สงฺขารา สังขารท. ภวนฺตาเยว โข
ที่มีอยู่เท่านั้น ชายนฺติ ย่อมเกิด เอวเมว โข ฉันนั้น อิติ
ดังนี้.
ราชา
พระเจ้ามิลินท์ อาห ตรัสว่า ตฺวํ ขอพระคุณเจ้า กโรหิ จงกระทำ
โอปมฺมํ ซึ่งอุปมา ภิยฺโย ให้ยิ่งขึ้นไปเถิด อิติ ดังนี้.
เถโร พระนาคเสนเถระ
อาห ทูลว่า มหาราช ขอถวายพระพรมหาบพิตร อาทาโส กระจกเงา น
สิยา ไม่พึงมี, อาภา แสงสว่าง น สิยา ไม่พึงมี, มุขํ
ใบหน้า น สิยา ไม่พึงมี, อตฺตา ตน (คือเงา) ชาเยยฺย
พึงเกิดขึ้นหรือ อิติ ดังนี้.
ราชา
พระเจ้ามิลินท์ อาห ตรัสตอบว่า อตฺตา ตน (คือเงา) น ชาเยยฺย
ไม่พึงเกิดขึ้น ภนฺเต ดอกพระคุณเจ้า อิติ ดังนี้.
เถโร พระนาคเสนเถระ
อาห ทูลว่า มหาราช ขอถวายพระพรมหาบพิตร ยโต เพราะ อาทาโส กระจกเงา สิยา พึงมี,
อาภา แสงสว่าง สิยา พึงมี, มุขํ ใบหน้า สิยา พึงมี, อตฺตา ตน (คือเงา) ชาเยยฺย
พึงเกิดขึ้นหรือ อิติ ดังนี้
ราชา
พระเจ้ามิลินท์ อาห ตรัสตอบว่า อาม ใช่สิ ภนฺเต พระคุณเจ้า, อตฺตา
ตน (คือเงา) ชาเยยฺย พึงเกิดขึ้น อิติ ดังนี้.
เถโร พระนาคเสนเถระ
อาห ทูลว่า มหาราช ขอถวายพระพรมหาบพิตร เกจิ สงฺขารา
สังขารท.บางอย่าง เย เหล่าใด อภวนฺตา ที่ไม่มีอยู่ ชายนฺติ
ย่อมเกิด, เต สงฺขารา สังขารท.เหล่านั้น นตฺถิ ย่อมไม่มี, สงฺขารา สังขารท. ภวนฺตาเยว โข
ที่มีอยู่เท่านั้น ชายนฺติ ย่อมเกิด เอวเมว โข ฉะนี้เหมือนกัน อิติ
ดังนี้.
ราชา
พระเจ้ามิลินท์ อโวจ ได้ตรัสแล้วว่า ภนฺเต นาคเสน พระคุณเจ้านาคเสน ตฺวํ
ท่าน กลฺโล เป็นผู้ฉลาด อสิ ย่อมเป็น อิติ ดังนี้.
ภวนฺตสงฺขารชายมานปญฺโห ปัญหาเกี่ยวกับสังขารที่มีอยู่กำลังเกิด
ปญฺจมี ที่ ๕ นิฏฺฐิโต
จบแล้ว.
****************
[๑] ฎีกามิลินท์กล่าวว่า
อนฺตปัจจัย ในคำว่า ภวนฺตาเยว ก็ดี มีอรรถอดีตกาล ความเท่ากับ อตีเต ภูตา ไม่เคยมีมาก่อน.โดยนัยนี้
แปลว่า เย เกจิ สงฺขารา สังขารท.เหล่าใด บางอย่าง อภวนฺตา ที่มีแล้ว
ชายนฺติ ย่อมเกิดขึ้น, เต สงฺขารา สังขารท.เหล่านั้น อตฺถิ
มีอยู่หรือ?. ความก็ว่า สังขารทั้งที่ไม่เคยมีนั่นแหละ จะเกิดขึ้นได้หรือ?.
[๒] พระนาคเสนถวายวิสัชชนาโดยวิภัชชพยากรณ์ว่า
สังขารที่ไม่เคยมีที่จะเกิดขึ้น ไม่มี แต่ที่เคยมีเท่านั้น จึงจะเกิดขึ้นได้.
[๔] พีชคาม
หมายถึง พีชที่เขาตัดมาจากต้น แต่ยังงอกได้
หรือเมล็ดพีชที่งอกได้. ภูตคาม หมายถึง ต้นไม้ที่งอกแล้วซึ่งเป็นต้นไม้ที่อยู่กับที่
มี ๕ ชนิด คือ ที่เกิดจากเหง้า ๑ ที่เกิดจากต้น ๑ ที่เกิดจากข้อ ๑ ที่เกิดจากยอด ๑
และที่เกิดจากเมล็ด ๑. ในที่นี้แปลว่า ต้นไม้และพืชพันธ์ สลับลำดับกับพระบาฬี
เพื่อความไพเราะในภาษาไทย.
[๕] รูปภาพเครื่องไม้สีไฟ
ส่วนลิงค์นี้เป็นวิธีการใช้เครื่องไม้สีไฟ https://www.youtube.com/watch?v=c29D3b2U5O4
[๖] ฝอย
ได้แก่ หญ้าแห้งๆ ที่เอามาใช้เป็นเชื้อ. ลูกไม้สีไฟ ทำมาจากไม้ที่มีเชื้อไฟประจุอยู่
เช่น ไม้มะเกลือ เป็นตัน. แต่ในพระบาลีเอสุการีสูตร ม.ม. ๑๓/๖๖๕
กล่าวถึงไม้หลายชนิด เช่น ไม้สัก ไม้จันทร์เป็นต้น
รวมไปถึงไม้ชนิดอื่นที่นำมาทำเป็นเครื่องสีไฟด้.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น