วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2559

กาลงฺกต แปลได้หลายอย่าง

กาลงฺกต ศัพท์นี้ มีคำแปลตามนัยของอรรถกถาต่างๆ ดังนี้
๑. ผู้ถึงกาละ (กาล ความตาย + คต ถึง) แปลง ค เป็น ก. วิเคราะห์เป็นทุติยาตัปปุริสสมาส ชนิดไม่ลบวิภัตติ ว่า

วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2559

มิลินทปัญหา อัทธานวรรคที่ ๒ (๖). ปัญหาเกี่ยวกับความเป็นอันเดียวกันหรือต่างกันของนามรูป

๖. นามรูปเอกตฺตนานตฺตปญฺโห
๖. ปัญหาเกี่ยวกับความเป็นอันเดียวกันหรือต่างกันของนามรูป

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, โก ปฏิสนฺทหตี’’ติ? เถโร อาห ‘‘นามรูปํ โข, มหาราช, ปฏิสนฺทหตี’’ติฯ ‘‘กิํ อิมํ เยว นามรูปํ ปฏิสนฺทหตี’’ติ? ‘‘น โข, มหาราช, อิมํ เยว นามรูปํ ปฏิสนฺทหติ, อิมินา ปน, มหาราช, นามรูเปน กมฺมํ กโรติ โสภนํ วา ปาปกํ วา, เตน กมฺเมน อญฺญํ นามรูปํ ปฏิสนฺทหตี’’ติฯ ‘‘ยทิ, ภนฺเต, น อิมํ เยว นามรูปํ ปฏิสนฺทหติ, นนุ โส มุตฺโต ภวิสฺสติ ปาปเกหิ กมฺเมหี’’ติ? เถโร อาห ‘‘ยทิ น ปฏิสนฺทเหยฺย, มุตฺโต ภเวยฺย ปาปเกหิ กมฺเมหิฯ ยสฺมา จ โข, มหาราช, ปฏิสนฺทหติ, ตสฺมา น มุตฺโต ปาปเกหิ กมฺเมหี’’ติฯ

วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2559

สาสนอันตรธานกถา

อันตรธานกถา
จำเดิมแต่พระผู้มีพระภาค ผู้ทรงรู้แจ้งโลก มีสายพระเนตรยาวไกล ได้ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว จึงประกาศพระสัทธรรมคำสอนของพระองค์ให้แผ่ไพศาลไปทั่วพื้นที่ชมพูทวีป มีอริยสาวกทั้งที่เป็นมนุษย์และเทวดาเกิดขึ้นมากมาย พระสัทธรรมที่พระองค์ประกาศไว้เป็นดุจดังประทีบที่จุดเพื่อบอกทางในยามค่ำคืน พระศาสนารุ่งเรืองอย่างโดดเด่น.  แต่ทว่า ท่ามกลางความเจริญรุ่งเรืองแห่งพระศาสนานั้น พระองค์ผู้เป็นเจ้าของแห่งธรรม กลับตรัสว่า ใช่ว่าศาสนาของพระองค์จะตั้งอยู่ตลอดไปก็หามิได้ โดยที่แท้ ก็มีสักวันหนึ่งที่จะต้องถึงกาลที่ล่มสลายไปในที่สุด นอกจากจะมีกาลเวลาเป็นเงื่อนไขแล้ว ยังมีเหตุปัจจัยอื่นๆ อีกที่ทำให้เกิดความล่มสลายสาบสูญแห่งพระสัทธรรม.
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถึงเหตุปัจจัยภายในศาสนา ดังนี้[๑]

วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เสวิสูตร อัง. ติก. ๑๒/๔๖๕

เสวิสูตร
อังคุตรนิกาย ติกนิบาต ๑๒/๔๖๕
         [๔๖๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๓ จำพวกเป็นไฉน
คือ
๑. บุคคลที่ไม่ควรเสพ ไม่ควรคบ ไม่ควรเข้าไปนั่งใกล้ มีอยู่
๒. บุคคลที่ควรเสพ ควรคบ ควรเข้าไปนั่งใกล้ มีอยู่
๓. บุคคลที่จะต้องสักการะเคารพ แล้วจึงเสพ คบหา เข้าไปนั่งใกล้ มีอยู่
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลที่ไม่ควรเสพ ไม่ควรคบ ไม่ควรเข้าไปนั่งใกล้เป็นไฉน.
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นคนเลวโดยศีล สมาธิ ปัญญา บุคคลเห็นปานนี้ ไม่ควรเสพ ไม่ควรคบ ไม่ควรเข้าไปนั่งใกล้ นอกจากจะเอ็นดูอนุเคราะห์กัน

วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2559

มิลินทปัญหา อัทธานวรรคที่ ๒ (๕) (สุข) เวทนาปัญหา

๕. เวทนาปญฺโห
ปัญหาเกี่ยวกับสุขเวทนาเป็นกุศล อกุศล หรือ อัพยากตะ
. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, สุขา เวทนา กุสลา วา อกุสลา วา อพฺยากตา วา’’ติ?
ราชา พระเจ้ามิลินท์ อาห ตรัสถามว่า ภนฺเต นาคเสน พระคุณเจ้าพระนาคเสน สุขา เวทนา เวทนาอันเป็นสุข โหติ เป็น กุสลา วา กุศล, อกุสลา วา อกุศล, อพฺยากตา วา หรือ อัพยากตะ อิติ ดังนี้ ?.

มิลินทปัญหา อัทธานวรรคที่ ๒ (๔) ปัญหาเกี่ยวกับการเสวยเวทนาของพระอรหันตบุคคลผู้ไม่มีปฏิสนธิ

๔. ปฏิสนฺทหนปุคฺคลเวทิยนปญฺโห[1]
ปัญหาเกี่ยวกับการเสวยเวทนาของพระอรหันตบุคคลผู้ไม่มีปฏิสนธิ ที่ ๔.

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, โย น ปฏิสนฺทหติ, เวเทติ โส กิญฺจิ ทุกฺขํ เวทน’’นฺติ?
ราชา พระเจ้ามิลินท์ อาห ตรัสถามแล้วว่า นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสน ภนฺเต ผู้เจริญ โย = อรหา พระอรหันต์ใด น ปฏิสนฺทหติ ย่อมไม่เกิดอีก โส = อรหา พระอรหันต์นััน เวเทติ ย่อมเสวย เวทนํ ซึ่งเวทนา ทุกฺขํ อันเป็นทุกข์ กิญฺจิ บางอย่าง หรือไม่? อิติ ดังนี้

มิลินทปัญหา อัทธานวรรคที่ ๒ (๓) ปัญหาเกี่ยวกับญาณและปัญญา

๓. ญาณปญฺญาปญฺโห
๓. ญาณปญฺญาปญฺโห ปัญหาเกี่ยวกับญาณและปัญญา

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ยสฺส ญาณํ อุปฺปนฺนํ, ตสฺส ปญฺญา อุปฺปนฺนา’’ติ?
๓.ราชา พระราชา อาห  ตรัสถาม อิติ ว่า ภนฺเต นาคเสน พระคุณเจ้านาคเสน   ญาณํ ญาณ อุปฺปนฺนํ เกิดขึ้น ยสฺส โยคาวจรสฺส แก่พระโยคาวจรใด, ปญฺญา ปัญญา อุปฺปนฺนา ก็เกิดขึ้น  ตสฺส  โยคาวจรสฺส แก่พระโยคาวจรนั้นหรือ?.

มิลินทปัญหา อัทธานวรรค (๒) ปัญหาเกี่ยวกับการปฏิสนธิ

๒. ปฏิสนฺทหนปญฺโห
๒. ปฏิสนฺทหนปฃฺโห อ.ปัญหาเกี่ยวกับการปฏิสนธิ

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, โย น ปฏิสนฺทหติ, ชานาติ โส  น ปฏิสนฺทหิสฺสามีติ?
๒.ราชา อ.พระราชา อาห ตรัส อิติ ว่า นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสน ภนฺเต ผู้เจริญ, โย ปุคฺคโล อ.บุคคลใด น ปฏิสนฺทหติ ย่อมไม่ปฏิสนธิ, โส ปุคฺคโล  อ.บุคคลนั้น ชานาติ จะรู้ อิติ ว่า อหํ อ.เรา น ปฏิสนฺทหิสฺสามิ จักไม่ปฏิสนธิ ดังนี้ หรือไม่?

มิลินทปัญหา อัทธานวรรค (๒) ปัญหาเกี่ยวกับการปฏิสนธิ

๒. ปฏิสนฺทหนปญฺโห
๒. ปฏิสนฺทหนปฃฺโห
อ.ปัญหาเกี่ยวกับการปฏิสนธิ
. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, โย น ปฏิสนฺทหติ, ชานาติ โส  น ปฏิสนฺทหิสฺสามีติ?

๒.ราชา อ.พระราชา อาห ตรัส อิติ ว่า นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสน ภนฺเต ผู้เจริญ, โย ปุคฺคโล อ.บุคคลใด น ปฏิสนฺทหติ ย่อมไม่ปฏิสนธิ, โส ปุคฺคโล อ.บุคคลนั้น ชานาติ จะรู้ อิติ ว่า อหํ อ.เรา น ปฏิสนฺทหิสฺสามิ จักไม่ปฏิสนธิ ดังนี้ หรือไม่?

มิลินทปัญหา อัทธานวรรค ที่ ๒ (๑) ปัญหาเกี่ยวกับความสืบกันแห่งธรรม

๒. อทฺธานวคฺโค
๑. ธมฺมสนฺตติปญฺโห
๒. อทฺธานวคฺโค อ.อัทธานวรรค
๑. ธมฺมสนฺตติปฃฺโห อ.ปัญหาเกี่ยวกับความสืบกันแห่งธรรม
. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, โย อุปฺปชฺชติ, โส เอว โส, อุทาหุ อญฺโญ’’ติ?
ราชา อ.พระราชา อาห ตรัส อิติ ว่า นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสน ภนฺเต ผู้เจริญ โย ทหโร อ.เด็ก คนใด อุปฺปชฺชติ ย่อม เกิด, โส ทหโร อ.เด็ก คนนั้น อุปฺปชฺชติ ย่อมเกิด โส ปุคฺคโล เป็นบุคคลนั้น เอว นั่นแหละ หุตฺวา เป็น, อุทาหุ หรือว่า อฃฺโฃ ปุคฺคโล อ.บุคคลอื่น อีกคนหนึ่ง อุปฺปชฺชติ ย่อมเกิด โส ปุคฺคโล เป็นบุคคลนั้น หุตฺวา เป็น? ดังนี้.[1]

มิลินทปัญหา ๑๖ ปัญหาเกี่ยวกับการทำกิจเดียวกันให้สำเร็จ แห่งธรรมต่างกัน

๑๖. นานาธมฺมานํ  เอกกิจฺจอภินิปฺผาทนปญฺโห
๑๖.เอกกิจฺจอภินิปฺผาทนปฃฺโห ปัญหาเกี่ยวกับการทำกิจเดียวกันให้สำเร็จ
นานาธมฺมานํ แห่งธรรมต่างกัน

๑๖. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน,อิเม ธมฺมา นานา สนฺตา เอกํ อตฺถํ  อภินิปฺผาเทนฺตี’’ติ?
๑๖. ราชา อ.พระราชา ปุจฺฉิ  ทรงถามแล้ว อิติ ว่า ภนฺเต นาคเสน พระคุณเจ้านาคเสน, อิเม ธมฺมา ธรรมท.เหล่านี้ นานา เป็นธรรมต่างกัน[๑] สนฺตา มีอยู่ อตฺถํ ยังประโยชน์ เอกํ อย่างเดียวกัน อภินิปฺผาเทนฺติ ย่อมให้สำเร็จได้หรือ?" ดังนี้.

มิลินทปัญหา ๑๕ ปัญหาเกี่ยวกับลักษณะของปัญญา

๑๕. ปญฺญาลกฺขณปญฺโห
๑๕. ปฃฺฃาลกฺขณปฃฺโห ปัญหาเกี่ยวกับลักษณะของปัญญา

๑๕. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, กึลกฺขณา ปญฺญา’’ติ?
๑๕. ราชา พระราชา อาห ตรัสแล้ว อิติ ว่า ภนฺเต นาคเสน พระคุณเจ้านาคเสน, ปฃฺฃา ปัญญา กึลกฺขณา  มีอะไรเป็นลักษณะเล่า ?" ดังนี้.

มิลินทปัญหา ๑๓ ปัญหาเกี่ยวกับลักษณะของสติ

๑๓. สติลกฺขณปญฺโห
๑๓. สติลกฺขณปฃฺโห ปัญหาเกี่ยวกับลักษณะของสติ
๑๓. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, กึลกฺขณา สตี’’ติ?
๑๓. ราชา พระราชา อาห ตรัสแล้ว อิติ ว่า ภนฺเต นาคเสน พระคุณเจ้านาคเสน  สติ สติ กึลกฺขณํ  มีอะไรเป็นลักษณะเล่า ?" ดังนี้.

‘‘อปิลาปนลกฺขณา, มหาราช, สติ, อุปคฺคณฺหนลกฺขณา จา’’ติฯ
เถโร พระเถระ วิสชฺเชสิ วิสัชชนาอิติ ว่า มหาราช ขอถวายพระพรมหาบพิตร สติ สติ  อปิลาปนลกฺขณา จ มีการไม่ลืมเลือนเป็นลักษณะ[1] ด้วย, อุปคฺคณฺหนลกฺขณา จ มีการเข้าไปถือเอาเป็นลักษณะ ด้วย

มิลินทปัญหา ๑๔ ปัญหาเกี่ยวกับลักษณะของสมาธิ

๑๔. สมาธิปญฺโห
๑๔. สมาธิปญฺโห ปัญหาเกี่ยวกับสมาธิ.

๑๔. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน,  กึลกฺขโณ สมาธี’’ติ?
๑๔. ราชา พระราชา อาห ตรัสแล้ว อิติ ว่า ภนฺเต นาคเสน พระคุณเจ้านาคเสน, สมาธิ อ.สมาธิ กิํลกฺขณํ  มีอะไรเป็นลักษณะเล่า ?" ดังนี้.

‘‘ปมุขลกฺขโณ, มหาราช, สมาธิ, เย เกจิ กุสลา ธมฺมา, สพฺเพ เต สมาธิปมุขา โหนฺติ สมาธินินฺนา สมาธิโปณา สมาธิปพฺภารา’’ติฯ
เถโร พระเถระ วิสชฺเชสิ วิสัชชนา อิติ ว่า "มหาราช ขอถวายพระพรมหาบพิตร สมาธิ สมาธิ  ปมุขลกฺขโณ มีความเป็นประธานเป็นลักษณะ, ธมฺมา ธรรมท. กุสลา อันเป็นกุศล เยเกจิ อย่างใดอย่างหนึ่ง สนฺติ มีอยู่, ธมฺมา ธรรมท. กุสลา อันเป็นกุศล เต  เหล่านั้น สพฺเพ ทั้งปวง สมาธิปมุขา มีสมาธิเป็นประธาน สมาธินินฺนา เป็นสภาพน้อมไปสู่สมาธิ สมาธิโปณา เป็นสภาพโอนไปสู่สมาธิ สมาธิปพฺภารา เป็นสภาพเงื้อมไปสู่สมาธิ โหนฺติ ย่อมเป็น ดังนี้.

‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติฯ
ราชา พระราชา อาห ตรัส อิติ ว่า ตฺวํ ท่าน กโรหิ จงกระทำ โอปมฺมํ ซึ่งอุปมา ดังนี้.

‘‘ยถา, มหาราช, กูฏาคารสฺส ยา กาจิ  โคปานสิโย, สพฺพา ตา กูฏงฺคมา โหนฺติ กูฏนินฺนา กูฏสโมสรณา,  กูฏํ ตาสํ  อคฺคมกฺขายติฯ เอวเมว โข, มหาราช, เย เกจิ กุสลา ธมฺมา, สพฺเพ เต สมาธิปมุขา โหนฺติ  สมาธินินฺนา สมาธิโปณา สมาธิปพฺภาราติฯ

เถโร พระเถระ วิสชฺเชสิ  วิสัชชนา อิติ ว่า มหาราช ขอถวายพระพรมหาบพิตร โคปานสิโย กลอนหลังคา[1]ท. กูฏาคารสฺส แห่งเรือนยอด ยากาจิ เหล่าใดเหล่าหนึ่ง สนฺติ มีอยู่, สพฺพา ตา กลอนหลังคาท.เหล่านั้นทั้งปวง กูฏงฺคมา มีเรือนยอดเป็นที่ไป  กูฏนินฺนา เป็นสภาพน้อมไปสู่เรือนยอด, กูฏสโมสรณา เป็นสภาพประชุมกันที่เรือนยอด โหนฺติ ย่อมเป็น กูฏํ เรือนยอด อกฺขายติ อันบัณฑิตย่อมเรียก อคฺคํ ว่าเป็นยอด ตาสํ โคปานสีนํ แห่งกลอนหลังคาท.เหล่านั้น ยถา ฉันใด, มหาราช ขอถวายพระพรมหาบพิตร สมาธิ สมาธิ  ปมุขลกฺขโณ มีความเป็นประธานเป็นลักษณะ, ธมฺมา ธรรมท.  กุสลา อันเป็นกุศล เยเกจิ อย่างใดอย่างหนึ่ง สนฺติ มีอยู่, ธมฺมา  ธรรมท. กุสลา อันเป็นกุศล เต เหล่านั้น สพฺเพ ทั้งปวง  สมาธิปมุขา มีสมาธิเป็นประธาน สมาธินินฺนา เป็นสภาพน้อมไปสู่สมาธิ สมาธิโปณา เป็นสภาพโอนไปสู่สมาธิ สมาธิปพฺภารา เป็นสภาพเงื้อมไปสู่สมาธิ โหนฺติ ย่อมเป็น เอวํ ฉันนั้น เอว นั่นเทียว โข แล" ดังนี้[2]

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติฯ
ราชา อ.พระราชา อาห ตรัสแล้ว อิติ ว่า ตฺวํ อ.ท่าน กโรหิ จงกระทำ โอปมฺมํ ซึ่งการอุปมา ภิยฺโย โดยยิ่ง” ดังนี้.

‘‘ยถา, มหาราช, โกจิ ราชา จตุรงฺคินิยา เสนาย สทฺธึ สงฺคามํ โอตเรยฺย, สพฺพาว เสนา หตฺถี จ อสฺสา จ รถา จ ปตฺตี จ ตปฺปมุขา ภเวยฺยุํ ตนฺนินฺนา ตปฺโปณา ตปฺปพฺภารา ตํ เยว อนุปริยาเยยฺยุํฯ เอวเมว โข, มหาราช, เย เกจิ กุสลา ธมฺมา, สพฺเพ เต สมาธิปมุขา โหนฺติสมาธินินฺนา สมาธิโปณา สมาธิปพฺภาราฯ
เถโร พระเถระ อาห  กราบทูล อิติ ว่า มหาราช ขอถวายพระพรมหาบพิตร ราชา พระราชา โกจิ บางพระองค์ โอตเรยฺย พึงหยั่งลง สงฺคามํ สู่สงคราม สทฺธึ พร้อม เสนาย ด้วยกองทัพ จตุรงฺคินียา อันประกอบด้วยองค์ ๔, เสนา กองทัพท.   สพฺพาว ทั้งปวงเทียว หตฺถี จ ช้างท. ด้วย, อสฺสา จ ม้าท. ด้วย, รถา จ รถท. ด้วย ปตฺตี จ พลเดินเท้าท. ด้วย, ตปฺปมุขา มีพระราชานั้นเป็นประมุข ตนฺนินฺนา เป็นธรรมชาติที่น้อมไปสู่พระราชานั้น, ตปฺโปณา เป็นธรรมชาติที่โอนไปสู่พระราชานั้น, ตปฺปพฺภารา เป็นธรรมชาติเงื้อมไปสู่พระราชานั้น โหนฺติ ย่อมเป็น,  อนุปริยาเยยฺยุํ พึงคล้อยตาม ตํ ราชานํ ซึ่งพระราชานั้น เอว นั่นเทียว ยถา ฉันใด, มหาราช ขอถวายพระพรมหาบพิตร ธมฺมา อ.ธรรมท. กุสลา อันเป็นกุศล เยเกจิ อย่างใดอย่างหนึ่ง สนฺติ มีอยู่, ธมฺมา ธรรมท. กุสลา อันเป็นกุศล เต เหล่านั้น สพฺเพ ทั้งปวง สมาธิปมุขา มีสมาธิเป็นประธาน สมาธินินฺนา เป็นสภาพน้อมไปสู่สมาธิ สมาธิโปณา เป็นสภาพโอนไปสู่สมาธิ สมาธิปพฺภารา เป็นสภาพเงื้อมไปสู่สมาธิ โหนฺติ ย่อมเป็น เอวํ เอว โข ฉันนั้นนั่นเทียว แล.

เอวํ โข, มหาราช, ปมุขลกฺขโณ สมาธิฯ
มหาราช ขอถวายพระพรมหาบพิตร สมาธิ สมาธิ ปมุขลกฺขโณ มีความเป็นประธานเป็นลักษณะ เอวํ โข ฉะนี้แล.[3]

ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา – ‘‘สมาธึ, ภิกฺขเว, ภาเวถ, สมาหิโต,  ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติฯ
มหาราช ขอถวายพระพรมหาบพิตร  เอตํ วจนํ ปิ แม้ อ.พระดำรัสนี้ ภควตา อันพระผู้มีพระภาค ภาสิตํ  ตรัสแล้ว   อิติ ว่า ภิกฺขเว ดูก่อนภิกษุท.ตุมฺเห อ.เธอท. สมาธึ ยังสมาธิ ภาเวถ จงให้บังเกิด, ภิกฺขเว ดูก่อนภิกษุท. ภิกฺขุ ภิกษุ สมาหิโต ตั้งมั่นแล้ว ปชานาติ ย่อมรู้เห็น ยถาภูตํ ตามเป็นจริง"[4] ดังนี้ ดังนี้.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติฯ
ราชา พระราชา อโวจ ได้ตรัสแล้ว  อิติ ว่า ภนฺเต นาคเสน พระคุณเจ้านาคเสน   ตฺวํ ท่าน อสิ ย่อมเป็น กลฺโล ผู้สามารถแก้ปัญหา ดังนี้.

สมาธิปญฺโห จุทฺทสโมฯ
สมาธิปญฺโห
อ.ปัญหาเกี่ยวกับสมาธิ
จุทฺทสโม ที่สิบสี่ นิฏฺฐิโต จบแล้ว.



[1]  อรรถกถาอธิบายว่า เคหสฺส ผาสุกาโย ซี่โครงของเรือน ซึ่งได้แก่ จันทัน ซึ่งเป็นไม้วางทอดยาวในแนวดิ่งจากโครงหลังคาอันเป็นยอดเรือน(อกไก่).
[2] ประโยคนี้เทียบให้เห็นว่า กุศลธรรมทั้งหลายมีศรัทธาเป็นต้นเหล่านั้นดังที่กล่าวมา ล้วนมีสมาธิเป็นหัวหน้า ถึงความเป็นไปร่วมกันในอารมณ์เดียวด้วยอำนาจสมาธิ มุ่งไปสมทบกับสมาธิเพื่อทำกิจของตนๆ ในอารมณ์เดียวที่สมาธิตั้งอยู่นั้น ดังนั้น สมาธิ จึงเป็นศูนย์รวมของธรรมเหล่านั้นในการทำกิจของตนแห่งธรรมนั้นๆจิต แล้วทำวิปัสสนากรรมฐานให้ก้าวหน้าต่อไปจนบรรลุคุณวิเศษ เฉกเช่นเดียวกับไม้จันทันแม้มีหลายท่อน ต่างก็มุ่งไปที่ยอดเรือนอย่างเดียวเพื่อประกอบให้มั่นทั้งนั้น ดังนั้น ยอดเรือนจึงเป็นประธาน เป็นศูนย์รวมของไม้จันทันเหล่านั้น.
[3] แม้ประโยคนี้ ชี้ให้เห็นว่า พวกเสนาต่างๆ ย่อมมีพระราชาเป็นจอมทัพ เป็นศูนย์รวมเพื่อขับเคลื่อนไปสู่สมรภูมิ. ถึง กุศลธรรมเหล่านั้นก็มีศูนย์รวมที่สมาธิ มีสมาธิเป็นหัวหน้าขับเคลื่อนไปเพื่อเจริญวิปัสสนา ทำอริยสัจให้แจ้งต่อไป.
[4] พระผู้มีพระภาคทรงเห็นภิกษุผู้เสื่อมจากสมาธิ จึงทรงทราบว่า ครั้นภิกษุเหล่านี้ได้สมาธิ วิปัสสนากัมมัฏฐานที่มีสมาธิเป็นบาท จักถึงความสำเร็จ คือ บรรลุคุณวิเศษมีโสตาปัตติมรรคเป็นต้น จึงตรัสพระบาฬีนี้. ประกอบความว่า พวกเธอจงเจริญสมาธิ ภิกษุผู้มีจิตตั้งมั่นด้วยอัปปนาสมาธิหรืออุปจารสมาธิ ย่อมรู้อริยสัจจ์ตามที่เป็นจริงว่า นี้ทุกข์เป็นต้น เพราะฉะนั้น ภิกษุผู้มีจิตมั่นคงดีแล้วด้วยสมาธิ ควรทำความเพียรเพื่อให้รู้ว่านี้ ทุกข์, นี้เหตุให้เกิดทุกข์ เป็นต้น. (สํ.สคาถ ๕, มหา. ๑๐๗๑ เป็นต้นและอรรถกถาฏีกาของสูตรนั้น).

มิลินทปัญหา ๑๐ : ปัญหาเกี่ยวกับศรัทธาที่มีความเลื่อมใสเป็นลักษณะ

๑๐. สมฺปสาทนลกฺขณสทฺธาปญฺโห
๑๐.ปัญหาเกี่ยวกับศรัทธาที่มีความเลื่อมใสเป็นลักษณะ.

๑๐. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, กึลกฺขณา สทฺธา’’ติ? ‘‘สมฺปสาทนลกฺขณา จ, มหาราช, สทฺธา, สมฺปกฺขนฺทนลกฺขณา จา’’ติฯ
๑๐. ราชา พระราชา อาห ตรัสถาม อิติ ว่า ภนฺเต นาคเสน พระคุณเจ้านาคเสน, สทฺธา ศรัทธา[๑] กึลกฺขณา มีอะไรเป็นลักษณะ ดังนี้? เถโร พระเถระ อาห ทูล อิติ ว่า มหาราช ขอถวายพระพรมหาบพิตร สทฺธา ศรัทธา สมฺปสาทนลกฺขณา มีการทำให้ผ่องใสด้วยดีเป็นลักษณะ ด้วย สมฺปกฺขนฺทนลกฺขณา มีการทำให้แล่นไปด้วยดีเป็นลักษณะ ด้วย

มิลินทปัญหา ๑๑ ปัญหาเกี่ยวกับศรัทธาที่มีการแล่นไปเป็นลักษณะ

๑๑. สมฺปกฺขนฺทนลกฺขณสทฺธาปญฺโห
๑๑. ปัญหาเกี่ยวกับศรัทธาที่มีความแล่นไปเป็นลักษณะ

๑๑. ‘‘กถํ, ภนฺเต, สมฺปกฺขนฺทนลกฺขณา สทฺธา’’ติ,?
ราชา พระราชา  ปุจฺฉิ  ตรัสถาม อิติ ว่า ภนฺเต พระคุณเจ้า สทฺธา ศรัทธา สมฺปกฺขนฺทนลกฺขณา มีการแล่นไปเป็นลักษณะ กถํ อย่างไร?” ดังนี้.

วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2559

มิลินทปัญหา ๑๒ ปัญหาเกี่ยวกับลักษณะของวิริยะ

๑๒. วีริยลกฺขณปญฺโห
๑๒. วีริยลกฺขณปฃฺโห
อ.ปัญหาเกี่ยวกับลักษณะของวิริยะ
๑๒. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, กึลกฺขณํ วีริย’’นฺติ?
๑๒. ราชา พระราชา อาห  ตรัส อิติ ว่า ภนฺเต นาคเสน พระคุณเจ้านาคเสน, วีริยํ วิริยะ กึลกฺขณํ  มีอะไรเป็นลักษณะเล่า? ดังนี้.

‘‘อุปตฺถมฺภนลกฺขณํ มหาราช วีริยํ วีริยูปตฺถมฺภิตา สพฺเพ กุสลา ธมฺมา น  ปริหายนฺตี’’ติฯ
เถโร พระเถระ วิสชฺเชสิ  วิสัชชนา อิติ ว่า มหาราช ขอถวายพระพรมหาบพิตร วีริยํ วิริยะ  อุปตฺถมฺภนลกฺขณํ  มีการค้ำจุนเป็นลักษณะ, ธมฺมา อ.ธรรมท. กุสลา อันเป็นกุศล สพฺเพ ทั้งปวง วีริยูปตฺถมฺภิตา มีวิริยะอันค้ำจุนแล้ว น ปริหายนฺติ ย่อมไม่เสื่อม” ดังนี้.

วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2559

๑๓) เทพธิดามณีเมขลาอุ้มพระมหาชนกไปส่งที่เมืองมิถิลา

สา เอวญฺจ ปน วตฺวา ‘‘ปณฺฑิต มหาปรกฺกม, กุหิํ ตํ เนมี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘มิถิลนคร’’นฺติ วุตฺเต สา มหาสตฺตํ ปุปฺผกลาปํ วิย อุกฺขิปิตฺวา อุโภหิ หตฺเถหิ ปริคฺคยฺห อุเร นิปชฺชาเปตฺวา ปิยปุตฺตํ อาทาย คจฺฉนฺตี วิย อากาเส ปกฺขนฺทิฯ มหาสตฺโต สตฺตาหํ โลโณทเกน อุปกฺกสรีโร หุตฺวา ทิพฺพผสฺเสน ผุฏฺโฐ นิทฺทํ โอกฺกมิฯ อถ นํ สา มิถิลํ เนตฺวา อมฺพวนุยฺยาเน มงฺคลสิลาปฏฺเฏ ทกฺขิณปสฺเสน นิปชฺชาเปตฺวา อุยฺยานเทวตาหิ ตสฺส อารกฺขํ คาหาเปตฺวา สกฏฺฐานเมว คตาฯ
จ ปน ก็แล สา เทพธิดา วตฺวา ครั้นกล่าวแล้ว เอวํ อย่างนี้ ปุจฺฉิ ได้ถามแล้ว อิติ ว่า ปณฺฑิต พ่อบัณฑิต มหาปรกฺกม ผู้มีความบากบั่นมาก, อหํ เรา เนมิ จะนำ ตํ ท่าน กุหิํ ไปในที่ใด?. วจเน เมื่อพระดำรัส ว่า มิถิลนครํ เราจะไปยังเมืองมิถิลา อิติ ดังนี้ มหาสตฺเตน อันพระมหาสัตว์ วุตฺเต ตรัสแล้ว, สา เทพธิดา อุกฺขิปิตฺวา อุ้ม มหาสตฺตํ พระมหาสัตว์ วิย ประหนึ่ง อุกฺขิปนฺตี บุคคลยก ปุปฺผกลาปํ ช่อดอกไม้ ปริคฺคยฺห ประคอง หตฺเถหิ ด้วยมือ อุโภหิ ทั้งสอง นิปชฺชาเปตฺวา ให้บรรทม อุเร แนบทรวง ปกฺขนฺทิ เหาะไป อากาเส ในอากาศ วิย ดุจ ปิยปุตฺตํ อา ทาย คจฺฉนฺตี มาตา มารดาอุ้มบุตรรักไป. มหาสตฺโต พระมหาสัตว์ อุปกฺกสรีรโร หุตฺวา เป็นผู้มีสรีระเศร้าหมอง โลโณทเกน ด้วยน้ำเค็ม สตฺตาหํ ทั้ง ๑ สัปดาห์ ทิพฺพสมฺผสฺเสน ถูกทิพยผัสสะ ผุฏฺโฐ สัมผัสแล้ว โอกฺกมิ หยั่งลง นิทฺทํ สู่ความหลับ. อถ ทีนั้น สา เทพธิดา เนตฺวา นำ นํ พระมหาสัตว์ มิถิลํ ไปยังนครมิถิลา นิปชฺชาเปตฺวา ให้บรรทม ทกฺขิณปสฺเสน โดยพระปรัศว์ขวา มงฺคลสิลาปฏฺเฏ บนแผ่นศิลาอันเป็นมงคล อมฺพวนุยฺยาเน ในสวนมะม่วง อุยฺยานเทวตาหิ ให้ทวยเทพสถิตย์ในสวน คาหาเปตฺวา ถือเอา อารกฺขํ การอารักขา ตสฺส แก่พระมหาสัตว์ คตา แล้วกลับไป สกฏฺฐานํ เอว ยังที่อยู่ของตนทันที. (มอบหมายให้เทพยดาในป่าคอยอารักขา)

***********