วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2566

๔. สัพพัญญุตญาณวรรค หมวดว่าด้วยสัพพัญญุตญาณ ๑. อิทธิกัมมวิปากปัญหา ปัญหาว่าด้วยฤทธิ์และการเผล็ดผลของกรรม

 

๔. สพฺพญฺญุตญาณวคฺโค

๔. สพฺพญฺญุตญาณวคฺโค

. สัพพัญญุตญาณวรรค

หมวดว่าด้วยสัพพัญญุตญาณ

***

๑. อิทฺธิกมฺมวิปากปญฺโห

. อิทธิกัมมวิปากปัญหา

ปัญหาว่าด้วยฤทธิ์และการเผล็ดผลของกรรม

***

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อิทฺธิมนฺตานํ ยทิทํ มหาโมคฺคลฺลาโนติฯ ปุน จ กิร โส ลคุเฬหิ ปริโปถิโต ภินฺนสีโส สญฺจุณฺณิตฏฺฐิมํสธมนิฉินฺนปริคตฺโต ปรินิพฺพุโต [1]ฯ ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, เถโร มหาโมคฺคลฺลาโน อิทฺธิยา โกฏิํ คโต, เตน หิ ลคุเฬหิ โปถิโต ปรินิพฺพุโตติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉาฯ ยทิ ลคุเฬหิ ปริโปถิโต ปรินิพฺพุโต, เตน หิ อิทฺธิยา โกฏิํ คโตติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉาฯ กิํ น สมตฺโถ อิทฺธิยา อตฺตโน อุปฆาตํ อปนยิตุํ, สเทวกสฺสปิ โลกสฺส ปฏิสรณํ ภวิตุํ อรโหติ? อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปญฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติฯ

มิลินฺโท ราชา พระเจ้ามิลินท์ อาห ตรัสถามแล้ว อิติ ว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสนผู้เจริญ เอตํ วจนํ พระดำรัสนี้ อิติ ว่า ภิกฺขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ยํ อิทํ (ขนฺธปญฺจกํ) ขันธปัญจกะนี้ใด มหาโมคฺคลฺลาโน คือ มหาโมคคัลลานะ, เอตํ (ขนฺธปญฺจกํ) ขันธปัญจกะนั้น อคฺคํ เป็นยอด ภิกฺขูนํ แห่งภิกษุทั้งหลาย  สาวกานํ ผู้เป็นสาวก มม ของเรา อิทฺธิมนฺตานํ ผู้มีฤทธิ์[2] ดังนี้ ภควตา อันพระผู้มีพระภาค ภาสิตมฺปิ ก็ทรงภาษิตไว้, แต่ กิร ยังได้ยิน ปุน อีกว่า โส มหาโมคฺคลฺลาโน พระมหาโมคคัลลานะนั้น โจเรหิ อันโจรทั้งหลาย ปริโปถิโต ทุบตีแล้ว ลคุเฬหิ ด้วยกระบองทั้งหลาย ภินฺนสีโส มีศีรษะแตกแล้ว สญฺจุณฺณิตฏฺฐิมํสธมนิฉินฺนปริคตฺโต[3] มีกระดูก, เนื้อ, เอ็น แหลกละเอียดและร่างกายฉีกขาด ปรินิพฺพุโต ปรินิพพานแล้ว. ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสนผู้เจริญ ยทิ ถ้าว่า เถโร มหาโมคฺคลฺลาโน พระมหาโมคคัลลานะ ผู้พระเถระ คโต ถึงแล้ว โกฏิํ ซึ่งยอด อิทฺธิยา แห่งฤทธิ์ จริงไซร้, เตน หิ ถ้าอย่างนั้น ยํ วจนํ คำใด อิติ ว่า  โส มหาโมคฺคลฺลาโน พระมหาโมคคัลลานะนั้น โจเรหิ อันโจรทั้งหลาย ปริโปถิโต ทุบตีแล้ว ลคุเฬหิ ด้วยกระบองทั้งหลาย ปรินิพฺพุโต ปรินิพพานแล้ว ดังนี้, ตํ วจนํ คำนั้น มิจฺฉา ผิด, ยทิ ถ้าว่า โส มหาโมคฺคลฺลาโน พระมหาโมคคัลลานะนั้น โจเรหิ อันโจรทั้งหลาย ปริโปถิโต ทุบตีแล้ว ลคุเฬหิ ด้วยกระบองทั้งหลาย ปรินิพฺพุโต ปรินิพพานแล้ว ดังนี้ จริงไซร้, เตน หิ ถ้าอย่างนั้น , ตมฺปิ วจนํ คำแม้นั้น อิติ ว่า  เถโร มหาโมคฺคลฺลาโน พระมหาโมคคัลลานะ ผู้พระเถระ คโต ถึงแล้ว โกฏิํ ซึ่งยอด อิทฺธิยา แห่งฤทธิ์ ดังนี้ มิจฺฉา ผิด, โส พระเถระนั้น น สมตฺโถ ไม่สามารถ อปนยิตุํ เพื่อขจัด อุปฆาตํ ซึ่งการทำร้าย อตฺตโน แห่งตน อิทฺธิยา ด้วยฤทธิ์ กิํ หรือ, โส พระเถระนั้น อรโห ควร ภวิตุํ เพื่อเป็น ปฏิสรณํ ที่ต้านภัย โลกสฺส แห่งมนุษย์ สเทวกสฺสปิ แม้ทั้งเทวดา กิํ ได้หรือ ดังนี้,  อยมฺปิ ปญฺโห ปัญหาแม้นี้ โกฏิโก มีที่สุด อุภโต โดยส่วนสอง อนุปฺปตฺโต มาถึงแล้ว ตว แก่ท่าน, โส ปญฺโห ปัญหานั้น ตยา อันท่าน นิพฺพาหิตพฺโพ = กเถตพฺโพ พึงแถลงเถิด ดังนี้.

[] พระเจ้ามิลินท์ พระคุณเจ้านาคเสน พระผู้มีพระภาคทรงภาษิตความข้อนี้ไว้ว่า เอตทคฺคํ ภิกฺขเว มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อิทฺธิมนฺตานํ ยทิทํ มหาโมคฺคลฺลาโน[4] ภิกษุทั้งหลาย พระมหาโมคคัลลานะเลิศกว่าสาวกทั้งหลายของเราผู้มีฤทธิ์มาก ดังนี้ และยังได้ยินอีกเรื่องหนึ่งว่า พระมหาโมคคัลลานะนั้น ถูกพวกโจรใช้ไม้ค้อนทุบตีเอาจนศีรษะแตก กระดูก เนื้อ เส้นเอ็นแหลกละเอียด ร่างกายฉีกขาด จนท่านปรินิพพาน พระคุณเจ้านาคเสน ถ้าหากว่า พระมหาโมคคัลลานะถึงยอดแห่งฤทธิ์ จริงไซร้ ถ้าอย่างนั้น คำที่ว่า ท่านถูกพวกโจรใช้ไม้ค้อนทุบตีเอาจนปรินิพพาน ดังนี้ ก็ย่อมไม่ถูกต้อง ถ้าหากว่า ท่านถูกพวกโจรใช้ไม้ค้อนทุบตีเอาจนปรินิพพาน จริงไซร้ ถ้าอย่างนั้น คำที่ว่า ท่านเป็นผู้ถึงยอดแห่งฤทธิ์ ดังนี้ ก็ย่อมไม่ถูกต้อง ท่านไม่สามารถใช้ฤทธิ์ขจัดการทำร้ายตัวท่านได้หรือไร ท่านควรจะเป็นที่พึ่งของชาวโลกพร้อมทั้งเทวดาได้ ไม่ใช่หรือ ปัญหาแม้ข้อนี้ ก็มี ๒ เงื่อน ตกถึงแก่ท่านแล้ว ขอท่านพึงคลี่คลายปัญหานั้นเถิด

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อิทฺธิมนฺตานํ ยทิทํ มหาโมคฺคลฺลาโนติฯ อายสฺมา จ มหาโมคฺคลฺลาโน ลคุฬหโต ปรินิพฺพุโต, ตญฺจ ปน กมฺมาธิคฺคหิเตนา’’ติฯ

นาคเสนตฺเถโร พระนาคเสนเถระ อาห ทูลตอบแล้ว อิติ ว่า มหาราช มหาบพิตร เอตํ วจนํ พระดำรัสนี้ อิติ ว่า ภิกฺขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ยํ อิทํ (ขนฺธปญฺจกํ) ขันธปัญจกะนี้ใด มหาโมคฺคลฺลาโน คือ มหาโมคคัลลานะ, เอตํ (ขนฺธปญฺจกํ) ขันธปัญจกะนั้น อคฺคํ เป็นยอด ภิกฺขูนํ แห่งภิกษุทั้งหลาย  สาวกานํ ผู้เป็นสาวก มม ของเรา อิทฺธิมนฺตานํ ผู้มีฤทธิ์ ดังนี้ ภควตา อันพระผู้มีพระภาค ภาสิตมฺปิ ทรงภาษิตไว้ จริง, และ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน พระมหาโมคคัลลานะ ผู้มีอายุ โจเรหิ อันโจรทั้งหลาย ปริโปถิโต ทุบตีแล้ว ลคุเฬหิ ด้วยกระบองทั้งหลาย ภินฺนสีโส มีศีรษะแตกแล้ว สญฺจุณฺณิตฏฺฐิมํสธมนิฉินฺนปริคตฺโต มีกระดูก, เนื้อ, เอ็น แหลกละเอียดและร่างกายฉีกขาด ปรินิพฺพุโต ปรินิพพานแล้ว ก็เป็นความจริง, จ ปน ก็แต่ว่า ตํ การณํ เหตุนั้น อตฺถิ ย่อมมี กมฺมาธิคฺคหิเตน เพราะถูกกรรมครอบงำ (อยู่ภายในอำนาจกรรม[5])ดังนี้

พระนาคเสน ขอถวายพระพร มหาบพิตร พระผู้มีพระภาคทรงภาษิตความข้อนี้ไว้ว่า ภิกษุทั้งหลาย พระมหาโมคคัลลานะเลิศกว่าภิกษุสาวกของเราผู้มีฤทธิ์มาก ดังนี้ จริง และท่านพระมหาโมคคัลลานะก็ถูกพวกโจรใช้ไม้ค้อนทุบตีเอาจนปรินิพพาน จริง ก็แต่ว่า ข้อนั้น ย่อมเป็นไปเพราะกรรมที่ฉกฉวยโอกาส

 

‘‘นนุ, ภนฺเต นาคเสน, อิทฺธิมโต อิทฺธิวิสโยปิ กมฺมวิปาโกปิ ทฺเว อจินฺติยา, อจินฺติเยน อจินฺติยํ อปนยิตพฺพํฯ ยถา นาม, ภนฺเต, เกจิ ผลกามา กปิตฺเถน กปิตฺถํ โปเถนฺติ, อมฺเพน อมฺพํ โปเถนฺติ, เอวเมว โข, ภนฺเต นาคเสน, อจินฺติเยน อจินฺติยํ โปถยิตฺวา อปเนตพฺพ’’นฺติ?

มิลินฺโท ราชา พระเจ้ามิลินท์ อาห ตรัสแล้ว อิติ ว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสนผู้เจริญ เทฺว ธมฺมา ธรรมทั้งหลาย ๒ คือ อิทฺธิวิสโยปิ ทั้งวิสัยแห่งฤทธิ์ อิทฺธิมโต ของผู้มีฤทธิ์  กมฺมวิปาโกปิ อีกทั้งวิบากแห่งกรรม (การเผล็จผลแห่งกรรม) อจินฺติยา เป็นอจินไตย (เรื่องอันใครๆไม่พึงคิด)[6], อจินฺติยํ อจินไตย อจินฺติเยน อันอจินไตย อปนยิตพฺพํ พึงขจัดได้ นนุ มิใช่หรือ[7]. ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสนผู้เจริญ,  เกจิ ผลกามา ชนทั้งหลายบางพวก ผู้ปรารถนาผลไม้ โปเถนฺติ ย่อมตี กปิตฺถํ ซึ่งผลมะขวิด กปิตฺเถน ด้วยกิ่งมะขวิด, โปเถนฺติ ย่อมตี อมฺพํ ซึ่งผลมะมวง อมฺเพน ด้วยกิ่งมะม่วง ยถา นาม  ชื่อ ฉันใด, ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสน ผู้เจริญ อจินฺติยํ อจินไตยปุคฺคเลน อันบุคคล อปเนตพฺพํ พึงขจัด อจินฺตเยน ด้วยอจินไตย เอวเมว โข ฉันนั้นนั่นเทียว ดังนี้

พระเจ้ามิลินท์ พระคุณเจ้านาคเสน ธรรม ๒ อย่าง คือ อิทธิวิสัย วิสัยของท่านผู้มีฤทธิ์ ๑ การเผล็ดผลของกรรม ๑ เป็นเรื่องอจินไตย (ไม่ควรคิดมิใช่) หรือ สิ่งที่เป็นอจินไตย ก็ต้องใช้สิ่งที่เป็นอจินไตยขจัด พระคุณเจ้า เปรียบเหมือน บุคคลบางพวก ต้องการผลไม้ ย่อมใช้กิ่งมะขวิด ตีผลมะขวิด ย่อมใช้กิ่งมะม่วงฟาดผลมะม่วง ฉันใด พระคุณเจ้านาคเสน พระเถระก็ควรใช้สิ่งที่เป็นอจินไตยตีขจัดสิ่งที่เป็นอจินไตย ฉันนั้น

 

 ‘‘อจินฺติยานมฺปิ, มหาราช, เอกํ อธิมตฺตํ พลวตรํ, ยถา, มหาราช, มหิยา ราชาโน โหนฺติ สมชจฺจา, สมชจฺจานมฺปิ เตสํ เอโก สพฺเพ อภิภวิตฺวา อาณํ ปวตฺเตติฯ เอวเมว โข, มหาราช, เตสํ อจินฺติยานํ กมฺมวิปากํ เยว อธิมตฺตํ พลวตรํ, กมฺมวิปากํ เยว สพฺเพ อภิภวิย อาณํ ปวตฺเตติ, กมฺมาธิคฺคหิตสฺส อวเสสา กิริยา โอกาสํ น ลภนฺติฯ

นาคเสนตฺเถโร พระนาคเสนเถระ อาห ทูลตอบแล้ว อิติ ว่า มหาราช มหาบพิตร อจินฺติยานมฺปิ แม้บรรดาสิ่งที่เป็นอจินไตยทั้งหลาย เอกํ อจินฺติยํ อจินไตยเรื่องเดียว อธิมตฺตํ มีประมาณยิ่ง พลวตรํ มีกำลังยิ่ง, มหาราช มหาบพิตร ราชาโน พระราชาทั้งหลาย มหิยา บนแผ่นดิน สมชจฺจา ผู้มีพระชาติเสมอกัน โหนฺติ มีอยู่, สมชจฺจานมฺปิ บรรดาพระราชาผู้ทรงมีพระชาติเสมอกันทั้งหลาย เตสํ เหล่านั้น เอโก พระราชาพระองค์เดียวเท่านั้น อาณํ ยังพระราชอำนาจ  ปวตฺเตติ ย่อมให้เป็นไป อภิภวิตฺวา ทรงครอบงำ สพฺเพ ซึ่งพระราชาเหล่านั้นทั้งปวง ยถา ฉันใด, มหาราช มหาบพิตร เตสํ อจินฺติยานํ บรรดาสิ่งที่เป็นอจินไตยทั้ืงหลาย เหล่านั้น กมฺมวิปากํ วิบากแห่งกรรมเท่านั้น อธิมตฺตํ มีประมาณยิ่ง พลวตรํ มีกำลังแรงกว่า, กมฺมวิปากํเยว วิบากแห่งกรรมนั่นแหละ อาณํ ยังอำนาจ ปวตฺเตติ ย่อมให้เป็นไป อภิภวิย ครอบงำ สพฺเพ อจินฺติเย ซึ่งอจินไตยทั้งหลายทั้งปวง, กมฺมาธิคฺคหิตสฺส ปุคฺคลสฺส เมื่อบุคคลผู้อันกรรมครอบงำอยู่[8] กิริยา กรรม อวเสสา ที่เหลือ น ลภนฺติ ย่อมไม่ได้ โอกาสํ ซึ่งโอกาส เอวเมว โข ฉันนั้นนั่นเทียวแล[9].

พระนาคเสน ขอถวายพระพร มหาบพิตร สิ่ง ๒ อย่างแม้เป็นสิ่งอจินไตย (ไม่ควรคิดด้วยกัน) แต่อย่างหนึ่ง มีประมาณยิ่ง มีกำลังยิ่งกว่า ขอถวายพระพร เปรียบเหมือนว่า บรรดาพระราชา แม้เป็นผู้มีชาติเสมอกันเหล่านั้น พระราชาองค์หนึ่ง ทรงใช้พระราชอำนาจครอบงำพระราชานอกนี้ทุกพระองค์ได้ ฉันใด ขอถวายพระพร บรรดาสิ่งที่เป็นอจินไตยเหล่านั้น การเผล็ดผลของกรรมนั่นเทียว มีประมาณยิ่ง มีกำลังยิ่งกว่า การเผล็ดผลของกรรมนั่นเทียว ย่อมทำอำนาจให้เป็นไปครอบงำสิ่งที่เป็นอจินไตยได้ทุกอย่าง เมื่อบุคคลูกกรรมครอบงำแล้ว กิจควรทำที่เหลือย่อมไม่ได้โอกาส ฉันนั้น

 

‘‘อิธ ปน, มหาราช, โกจิ ปุริโส กิสฺมิญฺจิเทว ปกรเณ อปรชฺฌติ, น ตสฺส มาตา วา ปิตา วา ภคินี วา ภาตโร วา สขี วา สหายกา วา ตายนฺติ, อถ โข ราชา เยว ตตฺถ อภิภวิย อาณํ ปวตฺเตติฯ กิํ ตตฺถ การณํ? อปราธิกตาฯ เอวเมว โข, มหาราช, เตสํ อจินฺติยานํ กมฺมวิปากํ เยว อธิมตฺตํ พลวตรํ, กมฺมวิปากํ เยว สพฺเพ อภิภวิย อาณํ ปวตฺเตติ, กมฺมาธิคฺคหิตสฺส อวเสสา กิริยา โอกาสํ น ลภนฺติฯ

มหาราช มหาบพิตร ปน เปรียบเหมือนว่า อิธ ในโลกนี้ โกจิ ปุริโส บุรุษบางคน อปรชฺฌติ ทำความผิด ปกรเณ ในกฏหมาย[10] กิสฺมิญฺจิเทว บางอย่างเท่านั้น, มาตา วา มารดา ก็ดี ปิตา วา บิดา ก็ดี ภคินี วา พี่สาว ก็ดี ภาตโร วา พี่ชาย ก็ดี สขี วา มิตร ก็ดี สหายกา วา สหาย ก็ดี ตสฺส ของบุรุษนั้น ตายนฺติ ย่อมป้องกัน หามิได้, อถ โข แท้ที่จริงแล้ว ราชาเยว พระราชาเท่านั้น อาณํ ยังพระราชอำนาจ ปวตฺเตติ ย่อมให้ทรงเป็นไป อภิภวิย ครอบงำ ตตฺถ ในเพราะความผิดนั้นได้. การณํ เหตุ กิํ อะไรเล่า ตตฺถ ในเพราะเรื่องนั้น โหติ ย่อมมี, อปราธิกตา เพราะความที่ ... ตสฺส ปุริสสฺส แห่งบุรุษนั้น เป็นผู้กระทำผิด ยถา ฉันใด, มหาราช มหาบพิตร เตสํ อจินฺติยานํ บรรดาสิ่งที่เป็นอจินไตยทั้ืงหลาย เหล่านั้น กมฺมวิปากํ วิบากแห่งกรรมเท่านั้น อธิมตฺตํ มีประมาณยิ่ง พลวตรํ มีกำลังแรงกว่า, กมฺมวิปากํเยว วิบากแห่งกรรมนั่นแหละ อาณํ ยังอำนาจ ปวตฺเตติ ย่อมให้เป็นไป อภิภวิย ครอบงำ สพฺเพ อจินฺติเย ซึ่งอจินไตยทั้งหลายทั้งปวง, กมฺมาธิคฺคหิตสฺส ปุคฺคลสฺส เมื่อบุคคลผู้อันกรรมครอบงำอยู่ กิริยา กรรม อวเสสา ที่เหลือ น ลภนฺติ ย่อมไม่ได้ โอกาสํ ซึ่งโอกาส เอวเมว โข ฉันนั้นนั่นเทียวแล,

ขอถวายพระพร เปรียบเหมือนวา บุรุษบางคนในโลกนี้ ทำความผิดกฎหมายบางอย่างเท่านั้น มารดาของเขาก็ดี บิดาของเขาก็ดี พี่น้องหญิงก็ดี พี่น้องชายก็ดี มิตรก็ดี สหายก็ดี ก็ช่วยป้องกันไม่ได้ แต่ทว่า ในบรรดาบุคคลเหล่านั้น พระราชานั่นเทียว จะทรงใช้อำนาจครอบงำเขาได้ ถามว่า อะไรเป็นเหตุในเรื่องนั้นเล่า ตอบว่า คือความเป็นคนทำผิดของเขา ฉันใด ขอถวายพระพร บรรดาสิ่งที่เป็นอจิตไตยเหล่านั้น การเผล็ดผลของกรรมนั่นเทียว มีประมาณยิ่ง มีกำลังยิ่งกว่า การเผล็ดผลของกรรมนั่นเทียว ย่อมทำอำนาจให้เป็นไปครอบงำสิ่งที่เป็นอจินไตยได้ทุกอย่าง เมื่อบุคคลถูกกรรมครอบงำแล้ว กิจควรทำที่เหลือ ย่อมไม่ได้โอกาส ฉันนั้นเหมือนกัน

 

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, มหิยา ทวฑาเห สมุฏฺฐิเต ฆฏสหสฺสมฺปิ อุทกํ น สกฺโกติ นิพฺพาเปตุํ, อถ โข อคฺคิ เยว ตตฺถ อภิภวิย อาณํ ปวตฺเตติฯ กิํ ตตฺถ การณํ? พลวตา เตชสฺสฯ เอวเมว โข, มหาราช, เตสํ อจินฺติยานํ กมฺมวิปากํ เยว อธิมตฺตํ พลวตรํ, กมฺมวิปากํ เยว สพฺเพ อภิภวิย อาณํ ปวตฺเตติ, กมฺมาธิคฺคหิตสฺส อวเสสา กิริยา โอกาสํ น ลภนฺติ, ตสฺมา, มหาราช, อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส กมฺมาธิคฺคหิตสฺส ลคุเฬหิ โปถิยมานสฺส อิทฺธิยา สมนฺนาหาโร นาโหสี’’ติฯ

มหาราช มหาบพิตร วา อีกอย่างหนึ่ง ปน เหมือนอย่างว่า ทวฑาเห เมื่อไฟป่า สมุฏฺฐิเต ลุกฮือขึ้น มหิยา เหนือแผ่นดิน อุทกํ น้ำ ฆฏสหสฺสมฺปิ ตั้งพันหม้อ น สกฺโกติ ย่อมไม่อาจ นิพฺพาเปตุํ เพื่อให้ดับ, อถ โข แท้ที่จริงแล้ว อคฺคิเยว ไฟนั่นแหละ อาณํ ยังอำนาจ ปวตฺเตติ ให้เป็นไป อภิภวิย ครอบงำ ตตฺถ ในที่นั้น, การณํ เหตุ กิํ อะไรเล่า ตตฺถ ในเพราะเรื่องนั้น โหติ ย่อมมี, พลวตา เพราะความมีกำลังมาก เตชสฺส แห่งไฟ ยถา ฉันใด, มหาราช มหาบพิตร เตสํ อจินฺติยานํ บรรดาสิ่งที่เป็นอจินไตยทั้ืงหลาย เหล่านั้น กมฺมวิปากํ วิบากแห่งกรรมเท่านั้น อธิมตฺตํ มีประมาณยิ่ง พลวตรํ มีกำลังแรงกว่า, กมฺมวิปากํเยว วิบากแห่งกรรมนั่นแหละ อาณํ ยังอำนาจ ปวตฺเตติ ย่อมให้เป็นไป อภิภวิย ครอบงำ สพฺเพ อจินฺติเย ซึ่งอจินไตยทั้งหลายทั้งปวง, กมฺมาธิคฺคหิตสฺส ปุคฺคลสฺส เมื่อบุคคลผู้อันกรรมครอบงำอยู่ กิริยา กรรม อวเสสา ที่เหลือ น ลภนฺติ ย่อมไม่ได้ โอกาสํ ซึ่งโอกาส เอวเมว โข ฉันนั้นนั่นเทียวแล, มหาราช มหาบพิตร ตสฺมา เพราะเหตุนั้น อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส เมื่อพระมหาโมคคัลลานะ ผู้มีอายุ กมฺมาธิคฺคหิตสฺส อันกรรมครอบงำแล้ว โจเรหิ อันโจรทั้งหลาย โปถิยมานสฺส ทุบอยู่ ลคุเฬหิ ด้วยไม้กระบองทั้งหลาย สมนฺนาหาโร การประมวลมา อิทฺธิยา แห่งฤทธิ์ น อโหสิ ไม่ได้มีแล้ว ดังนี้.

ขอถวายพระพร อีกอย่างหนึ่ง เปรียบเหมือนว่า เมื่อไฟป่า ลุกฮือขึ้นมาเหนือแผ่นดิน น้ำสักพันหม้อก็ไม่อาจจะใช้ดับไฟได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น ไฟนั่นแหละย่อมทำอำนาจให้เป็นไปครอบงำสถานที่นั้น อะไรเป็นเหตุในข้อนั้นเล่า ? ตอบว่า คือความที่ไฟมีกำลัง (ยิ่งกว่า) นั่นเอง ฉันใด ขอถวายพระพร บรรดาสิ่งที่เป็นอจินไตยเหล่านั้น การเผล็ดผลของกรรมนั่นเทียว มีประมาณยิ่ง มีกำลังยิ่งกว่า การเผล็ดผลของกรรมนั่นเทียว ย่อมทำอำนาจให้เป็นไปครอบงำสิ่งที่เป็นอจินไตยทุกอย่าง เมื่อบุคคคลถูกกรรมครอบงำแล้ว กิจควรทำที่เหลือ ย่อมไม่ได้โอกาส ฉันนั้นเหมือนกัน ขอถวายพระพร เพราะฉะนั้น เมื่อท่านพระโมคคัลลานะเถระผู้ถูกกรรมครอบงำ พอถูกพวกโจรใช้ไม้ค้อนทุบตีเอา จึงมิได้มีการแผลงฤทธิ์

 

‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติฯ

มิลินฺโท ราชา พระเจ้ามิลินท์ อาห ตรัสถามแล้ว อิติ ว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสนผู้เจริญ เอวํ = สพฺพํ วจนํ เอวํ สภาวโต โหติ คำอธิบายทั้งปวง โหติ ย่อมมี สภาวโต ตามความเป็นจริง เอวํ อย่างนี้, เอตํ = สพฺพํ เหฏฺฐาวจนํ ตยา วุตฺตํ ยถา โหติ,  ตํ สมฺปฏิจฺฉาม, สพฺพํ เหฏฺฐาวจนํ ถ้อยคำข้างต้นทั้งปวง ตยา อันท่าน วุตฺตํ กล่าวแล้ว โหติ ย่อมมี ยถา โดยประการใด, อหํ ข้าพเจ้า สมฺปฏิจฺฉามิ ขอน้อมรับไว้ ตํ วจนํ ซึ่งคำนั้น ตถา ด้วยประการนั้น ดังนี้.

พระเจ้ามิลินท์ ดีจริง พระคุณเจ้านาคเสน ข้าพเจ้าขอยอมรับคำตามที่ท่านกล่าวมากระนี้ นี้

***

อิทฺธิกมฺมวิปากปญฺโห ปฐโมฯ

อิทฺธิกมฺมวิปากปญฺโห อิทธิกัมมวิปากปัญหา ปฐโม ลำดับที่ ๑ นิฏฺฐิโต จบแล้ว

อิทธิกัมมวิปากปัญหาที่ ๑ จบ

***



[1] [ธมนิมชฺชปริกตฺโต (สี. ปี.), ธมฺมนิมิญฺชปริคตฺโต (สฺยา.)]

[2] อีกนัยหนึ่ง แปลไขให้ตรงตามลิงค์แห่งบทประธาน ยทิทํ = โย อยํ ภิกฺขุ ภิกษุใด, มหาโมคฺคลฺลาโน คือ มหาโมคคัลลานะ , เอตํ = เอโส ภิกฺขุ ภิกษุนั่น มหาโมคฺคลฺลาโน คือ มหาโมคคัลลานะ อคฺคํ = อคฺโค เป็นยอด ภิกฺขูนํ แห่งภิกษุทั้งหลาย สาวกานํ ผู้เป็นสาวก มม ของเรา อิทฺธิมนฺตานํ ผู้มีฤทธิ์ ดังนี้.

[3] เป็นพหุพพีหิสมาส และ มีทวันทสมาส ตติยาพหุพพีหิสมาสเป็นท้องโดยตัดบทเป็น สญฺจุณฺณิตอฏฺฐิมํสธมนิ + ฉินฺนปริคตฺโต มีกระดูก เนื้อ และเอ็น อันแหลกละเอียด และ มีร่างกายฉีกขาดแล้ว.

[4] อง.เอกก. มหาจุฬาเตปิฏก ๒๐/๑๙๐/๒๓

[5] อธิคฺคหิต หมายถึง ถูกยึดไว้ภายใน, ครอบงำ หรือตกอยู่ภายใต้อำนาจ ในกรณีนี้ พระมหาโมคคัลลานะ แม้มีฤทธิ์ สามารถหนีโจร กำจัดภัยจากโจร ได้ก็จริง แต่อยู่ภายใต้อำนาจกรรม ถูกกรรมยึดไว้ภายใน ครอบงำ จึงปรินิพพานเพราะการทุบตีของโจรทั้งหลาย.

[6] คำว่า สิ่งที่เป็นอจินไตย ได้แก่ สิ่งที่ไม่ควรคิด ๔ อย่าง คือ ๑. พุทธวิสัย (วิสัยคือพระปรีชาสามารถในอันหยั่งรู้ธรรมทั้งหลายของพระพุทธเจ้า) ๒. ฌานวิสัย (วิสัยแห่งฌาน ๓. กรรมวิบาก (การเผล็ดผลของกรรม) ๔. โลกจินตา (ความคิดเกี่ยวกับเรื่องโลก) ดังนี้ ผู้ใดไปหมกมุ่นครุ่นคิดเข้า ก็จะเป็นผู้มีส่วนแห่งความเป็นบ้า

[7] พระเจ้ามิลินท์ทรงเสนอความคิดเห็นว่า อจินไตยทั้งสองประการนี้สามารถลบล้างกันได้ เพราะฉะนั้น พระมหาโมคคัลลานะเป็นเอตทัคคบุคคลในผู้มีฤทธิ์ น่าจะใช้ฤทธิ์ ข่มการเผล็จผลแห่งกรรมได้ เหมือนใช้กิ่งมะม่วงตัดก้านมะม่วงเพื่อเอาผล.

[8] เพราะอปราปรเวทนียกรรม (กรรมที่มีวิบากอันพึงเสวย ได้ในชาติต่อ ๆ ไป) ที่ท่านทำไว้ในอดีตชาตินานแล้ว คอยติดตามให้ผลอยู่ในเมื่อได้โอกาส เมื่อโอกาสนี้มาถึงแล้ว ก็ฉกฉวยเอาโอกาสนั้น เผล็ดผลเกี่ยวกับทำให้พระเถระต้องถูกโจรทุบตีเอาจนถึงแก่ปรินิพพาน มีเรื่องว่า ในอดีตชาติก่อนหน้านี้ นานนักหนาแล้ว พระเถระได้เกิดเป็นคนหนุ่ม ผู้มีภรรยาแต่จะอิดหนาระอาใจและรังเกียจมารดาผู้ตาบอดของท่าน ท่านถูกภรรยายุยงให้กำจัดบิดามารดาของตน แล้วก็เห็นคล้อยตาม จึงทำทีว่าพวกโจรปล้น ในคราวที่เดินทางไปกับบิดามารดา ใช้โอกาสนี้กำจัดบิดามารดาของตนเสีย กรรมข้อนี้ เป็นเหตุให้ท่านเสวยทุกข์ในนรก พ้นจากนรกแล้ว เศษกรรมข้อนี้ก็คอยตามให้ผลอยู่ มาในชาติปัจจุบันได้โอกาสเข้า ก็ฉกฉวยโอกาสนั้น เผล็ดผลเป็น อุปัจเฉทกรรม (กรรมตัดรอน) แม้ว่าท่านเป็นผู้มีฤทธิ์ และประสงค์จะใช้ฤทธิ์ป้องกัน ก็ไม่อาจทำฤทธิ์ให้เกิดขึ้นมาป้องกันได้

[9] พระนาคเสน แย้งว่า อจินไตยทั้งสองนั้น กำลังแห่งกรรม เป็นเลิศ เพราะฉะนั้น จึงมีอำนาจเหนืออจินไตยที่เหลือ ดังนั้น เมื่อเวลาผลแห่งกรรมที่เคยทำไว้มาถึง ไม่ว่าจะเป็นการกระทำฤทธิ์ต่างๆเพื่อห้ามกำลังกรรมนั้น ไม่มีโอกาสเลย เหมือนพระราชาทั้งหลาย แม้มีพระชาติเสมอกัน แต่มีเพียงหนึงพระองค์ที่มีเดชานุภาพมาก เท่านั้นสามารถข่มพระราชาที่เหลือได้.

[10] ปกรณ ศัพท์มีอรรถ ๕ คือ ๑) เรื่องอันเป็นเหตุ (อํ.อฏฺ.๓/๑๗๑), ๒) คัมภีร์(ปฏิสํ.อฏฺ.๑/๗), ๓) ข้อธรรม (สี.ฏี.๑/๑๐๙), ๔) ข้อกำหนดโดยความเป็นเหตุซึ่งมีลักษณะตามที่กล่าวไว้ (อนุฏี.๓/๒๕๓) ๕) สังคีตชนิดหนึ่ง (ที.ฏี.๓/๑๓๒). ส่วน พจน.ภูมิพโล ให้ความหมายของ ปกรณ ศัพท์ ๓ ความหมาย คือ (๑) การประกอบ, วรรค (พูดถึงกฏหมาย)ที่รับรองอย่างใดอย่างหนึ่ง. (๒) โอกาส (๓) คำอธิบาย, การจัด, งานประพันธ์, หนังสือ, ชื่อหนังสือเช่น มิลินทปกรณ์, เนตติปกรณ์เป็นต้น ดังนั้น ในที่นี้ มีความหมายว่า กฏหมาย.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น