วันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2568

๕๓. พุทฺธอปฺปาพาธปญฺโห ปัญหาเกี่ยวกับความเป็นผู้มีอาพาธน้อยของพระพุทธเจ้า

 

๕. สนฺถววคฺโค

กลุ่มปัญหามีสันถวปัญหาเป็นลำดับแรก

๓. พุทฺธอปฺปาพาธปญฺโห

ปัญหาเกี่ยวกับความเป็นผู้มีอาพาธน้อยของพระพุทธเจ้า

 

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา อหมสฺมิ, ภิกฺขเว, พฺราหฺมโณ ยาจโยโค สทา ปยตปาณิ อนฺติมเทหธโร อนุตฺตโร ภิสกฺโก สลฺลกตฺโตติฯ ปุน จ ภณิตํ ภควตา เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อปฺปาพาธานํ ยทิทํ พากุโลติฯ ภควโต จ สรีเร พหุกฺขตฺตุํ อาพาโธ อุปฺปนฺโน ทิสฺสติฯ ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ตถาคโต อนุตฺตโร, เตน หิ เอตทคฺคํเป.พากุโลติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉาฯ ยทิ เถโร พากุโล อปฺปาพาธานํ อคฺโค, เตน หิ อหมสฺมิเป.สลฺลกตฺโตติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉาฯ อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปญฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติฯ

มิลินฺโท ราชา พระเจ้ามิลินท์ อาห ตรัสแล้ว อิติ ว่า นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสน ภนฺเต ผู้เจริญ เอตํ วจนํ พระดำรัสนี้ ภควตา อันพระผู้มีพระภาค ภณิตํ ตรัสแล้ว อิติ ว่า ภิกฺขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อหํ เราตถาคต พฺราหฺมโณ เป็นพราหมณ์ ยาจโยโค ผู้ควรแก่การขอ ปยตปาณิ มีฝ่ามืออันสะอาด อนฺติมเทหธโร ทรงอัตตภาพสุดท้าย อนุตฺตโร หาผู้อื่นเหนือกว่ามิได้ ภิสกฺโก เป็นหมอ สลฺลกตฺโต ผู้ทำการผ่าตัด อสฺมิ ย่อมเป็น ดังนี้, แต่ว่า เอตํ วจนํ ข้อความนี้ ภควตา อันพระผู้มีพระภาค ภณิตํ ตรัสไว้ ปุน อีก อิติ ว่า ภิกฺขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ยํ อิทํ ขนฺธปญฺจกํ ขันธปัญจกนี้ใด พากุโล คือ ภิกษุพากุละ, เอตํ ขนฺธปญฺจกํ ขันธปัญจกนี้ พากุโล คือ ภิกษุพากุละ อคฺคํ เป็นผู้เลิศ ภิกฺขูนํ แห่งภิกษุทั้งหลาย สาวกานํ ผู้เป็นสาวก มม ของเรา อปฺปาพาธานํ ผู้มีอาพาธน้อย ดังนี้ อนึ่ง อาพาโธ พระอาพาธ อุปฺปนฺโน เกิดขึ้นแล้ว สรีเร ในพระสรีระ ภควโต ของพระผู้มีพระภาค พหุกฺขตฺตุํ หลายครั้ง ทิสฺสติ ย่อมปรากฏ, ภนฺเต นาคสน ข้าแต่พระนาคเสนผู้เจริญ ยทิ ถ้าหากว่า ตถาคโต พระตถาคต อนุตฺตโร ทรงเป็นผู้หาผู้อื่นเหนือกว่ามิได้ ไซร้, เตน หิ ถ้าอย่างนั้น ยํ วจนํ พระดำรัสใด ภควตา อันพระผู้มีพระภาค ภณิตํ ตรัสแล้ว อิติ ว่า ภิกฺขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ยํ อิทํ ขนฺธปญฺจกํ ขันธปัญจกนี้ใด พากุโล คือ ภิกษุพากุละ, เอตํ ขนฺธปญฺจกํ ขันธปัญจกนี้ พากุโล คือ ภิกษุพากุละ อคฺคํ เป็นผู้เลิศ ภิกฺขูนํ แห่งภิกษุทั้งหลาย สาวกานํ ผู้เป็นสาวก มม ของเรา อปฺปาพาธานํ ผู้มีอาพาธน้อย ดังนี้, ตํ วจนํ พระดำรัสนั้น มิจฺฉา ผิด, ยทิ ถ้าว่า เถโร พากุโล พระเถระพากุละ อคฺโค เป็นสาวกผู้เลิศ อปฺปาพาธานํ แห่งสาวกทั้งหลายผู้มีอาพาธน้อย ไซร้, เตน หิ ถ้าอย่างนั้น ตมฺปิ วจนํ พระดำรัสแม้นี้ ภควตา อันพระผู้มีพระภาค ภณิตํ ตรัสแล้ว อิติ ว่า ภิกฺขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อหํ เราตถาคต พฺราหฺมโณ เป็นพราหมณ์ ยาจโยโค ผู้ควรแก่การขอ ปยตปาณิ มีฝ่ามืออันสะอาด อนฺติมเทหธโร ทรงอัตตภาพสุดท้าย อนุตฺตโร หาผู้อื่นเหนือกว่ามิได้ ภิสกฺโก เป็นหมอ สลฺลกตฺโต ผู้ทำการผ่าตัด อสฺมิ ย่อมเป็น ดังนี้ มิจฺฉา ผิด. อยมฺปิ ปญฺโห ปัญหาแม้นี้ โกฏิโก มีเงื่อนงำ อุภโต โดยส่วนสอง อนุปฺปตฺโต ตกถึงแล้ว ตว แก่ท่าน, โส ปญฺโห ปัญหานั้น ตยา ท่าน นิพฺพาหิตพฺโพ พึงคลี่คลาย ดังนี้

 

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา อหมสฺมิเป.สลฺลกตฺโตติ, ภณิตญฺจ เอตทคฺคํเป.พากุโลติ, ตญฺจ ปน พาหิรานํ อาคมานํ อธิคมานํ ปริยตฺตีนํ อตฺตนิ วิชฺชมานตํ สนฺธาย ภาสิตํฯ

นาคเสโน เถโร พระนาคเสนเถระ อาห ทูลตอบแล้ว อิติ ว่า มหาราช มหาบพิตร เอตมฺปิ วจนํ แม้คำนี้ ตถาคเตน อันพระตถาคต ภณิตํ ตรัสแล้ว อิติ ว่า ภิกฺขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อหํ เราตถาคต พฺราหฺมโณ เป็นพราหมณ์ ยาจโยโค ผู้ควรแก่การขอ ปยตปาณิ มีฝ่ามืออันสะอาด อนฺติมเทหธโร ทรงอัตตภาพสุดท้าย อนุตฺตโร หาผู้อื่นเหนือกว่ามิได้ ภิสกฺโก เป็นหมอ สลฺลกตฺโต ผู้ทำการผ่าตัด อสฺมิ ย่อมเป็น ดังนี้, และ วจนํ คำนี้ ตถาคเตน อันพระตถาคต ภณิตํ ตรัสแล้ว อิติ ว่า ภิกฺขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ยํ อิทํ ขนฺธปญฺจกํ ขันธปัญจกนี้ใด พากุโล คือ ภิกษุพากุละ, เอตํ ขนฺธปญฺจกํ ขันธปัญจกนี้ พากุโล คือ ภิกษุพากุละ อคฺคํ เป็นผู้เลิศ ภิกฺขูนํ แห่งภิกษุทั้งหลาย สาวกานํ ผู้เป็นสาวก มม ของเรา อปฺปาพาธานํ ผู้มีอาพาธน้อย ดังนี้ จริง, จ ปน ก็แล ตํ วจนํ พระดำรัสนั้น ภควตา อันพระผู้มีพระภาค ภาสิตํ ทรงภาษิตไว้ สนฺธาย ทรงหมายเอา วิชฺชมานตํ ซึ่งความมีอยู่  อาคมานํ อธิคมานํ ปริยตฺตีนํ (คุณานํ) แห่งคุณทั้งหลาย คือ อาคม อธิคม และปริยัติ  อตฺตนิ ในตน พาหิรานํ ของคนภายนอก (จากพระองค์)

 

‘‘สนฺติ โข ปน, มหาราช, ภควโต สาวกา ฐานจงฺกมิกา, เต ฐาเนน จงฺกเมน ทิวารตฺติํ วีตินาเมนฺติ, ภควา ปน, มหาราช, ฐาเนน จงฺกเมน นิสชฺชาย สยเนน ทิวารตฺติํ วีตินาเมติ, เย เต, มหาราช, ภิกฺขู ฐานจงฺกมิกา, เต เตน องฺเคน อติเรกาฯ

นาคเสโน เถโร พระนาคเสนเถระ อาห ทูลตอบแล้ว อิติ ว่า มหาราช มหาบพิตร ปน ก็ ข แล สาวกา สาวกทั้งหลาย ภควโต ของพระผู้มีพระภาค ฐานจงฺกมิกา เป็นผู้อธิษฐานการยืนและการจงกรม สนฺติ มีอยู่, เต ฐานจงฺกมิกา พระสาวกผู้อธิษฐานยืนและจงกรมเหล่านั้น ทิวารตฺติํ ยังวันและคืน วีตินาเมติ ย่อมให้ล่วงไป ฐาเนน โดยการยืน จงฺกเมน โดยการจงกรม, ปน แต่ ภควา พระผู้มีพระภาค ทิวารตฺติํ ยังวันและคืน วีตินาเมติ ย่อมให้ล่วงไป ฐาเนน โดยการยืน จงฺกเมน โดยการจงกรม นิสชฺชาย โดยการนั่ง สยเนน โดยการนอน, มหาราช มหาบพิตร เย เต ภิกฺขู ภิกษุทั้ืงหลาย เหล่านั้น เหล่าใด ฐานจงฺกมิกา ผู้อธิษฐานการยืนและการจงกรม, เต ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น อติเรกา เป็นผู้ยิ่ง เตน องฺเคน โดยองค์นั้น

 

‘‘สนฺติ โข ปน, มหาราช, ภควโต สาวกา เอกาสนิกา, เต ชีวิตเหตุปิ ทุติยํ โภชนํ น ภุญฺชนฺติ, ภควา ปน, มหาราช, ทุติยมฺปิ ยาว ตติยมฺปิ โภชนํ ภุญฺชติ, เย เต, มหาราช, ภิกฺขู เอกาสนิกา, เต เตน องฺเคน อติเรกา, อเนกวิธานิ, มหาราช, ตานิ การณานิ เตสํ เตสํ ตํ ตํ สนฺธาย ภณิตานิฯ ภควา ปน, มหาราช, อนุตฺตโร สีเลน สมาธินา ปญฺญาย วิมุตฺติยา วิมุตฺติญาณทสฺสเนน ทสหิ จ พเลหิ จตูหิ เวสารชฺเชหิ อฏฺฐารสหิ พุทฺธธมฺเมหิ ฉหิ อสาธารเณหิ ญาเณหิ, เกวเล จ พุทฺธวิสเย ตํ สนฺธาย ภณิตํอหมสฺมิเป.สลฺลกตฺโตติฯ

มหาราช มหาบพิตร ปน ก็ ข แล สาวกา สาวกทั้งหลาย ภควโต ของพระผู้มีพระภาค เอกาสนิกา เป็นผู้อธิษฐานการฉันอาสนะเดียว สนฺติ มีอยู่, เต เอกาสนิกา พระสาวกผู้อธิษฐานการฉันอาสนะเดียวเหล่านั้น น ภุญฺชนฺติ ย่อมไม่ฉัน โภชนํ ซึ่งโภชนะ ทุติยํ ที่สอง ชีวิตเหตุปิ แม้เพราะเหตุแห่งชีวิต, มหาราช มหาบพิตร ปน แต่ ภควา พระผู้มีพระภาค ภุญฺชติ ย่อมเสวย โภชนํ ซึ่งโภชนะ ทุติยมฺปิ แม้ที่สอง ยาว ไปจนถึง โภชนํ แม้ซึ่งโภชนะ ตติยมฺปิ ที่สาม มหาราช มหาบพิตร เย เต ภิกฺขู ภิกษุทั้ืงหลาย เหล่านั้น เหล่าใด เอกาสนิกา เป็นผู้อธิษฐานการฉันอาสนะเดียว สนฺติ มีอยู่,  เต ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น อติเรกา เป็นผู้ยิ่ง เตน องฺเคน โดยองค์นั้น, มหาราช มหาบพิตร ตานิ การณานิ เหตุทั้งหลายเหล่านั้น อเนกวิธานิ มีประการเป็นอเนก ภควตา อันพระผู้มีพระภาค ภณิตา ตรัสแล้ว สนฺธาย ทรงหมายเอา ตํ ตํ องค์นั้น องค์นั้น เตสํ เตสํ ของภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น, มหาราช มหาบพิตร ปน แต่ว่า ภควา พระผู้มีพระภาค อนุตฺตโร เป็นผู้หาผู้อื่นยิ่งกว่ามิได้ (ทรงยอดเยี่ยม) สีเลน โดยศีล สมาธินา โดยปัญญา ปญฺญาย โดยปัญญา วิมุตฺติยา โดยวิมุติ วิมุตฺติญาณทสฺสเนน โดยวิมุติญาณทัสสนะ ทสหิ จ พเลหิ โดยกำลัง(ของพระตถาคต) ๑๐ จตูหิ เวสารชฺเชหิ โดยเวสารัชชธรรม ๔, อฏฺฐารสหิ พุทฺธธมฺเมหิ โดยพุทธธรรม ๑๘ ฉหิ อสาธารเณหิ ญาเณหิ โดยพระญาณอันไม่สาธารณะ ๖, อนึ่ง วจนํ พระดำรัส อิติ ว่า “ภิกฺขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อหํ เราตถาคต พฺราหฺมโณ เป็นพราหมณ์ ฯลฯ ภิสกฺโก เป็นหมอ สลฺลกตฺโต ผู้ทำการผ่าตัด อสฺมิ ย่อมเป็น ดังนี้ ภควตา อันพระผู้มีพระภาค สนฺธาย ทรงหมายเอา ตํ คุณตํ ซึ่งหมู่แห่งองค์คุณนั้น พุทฺธวิสเย ในธรรมอันเป็นพุทธวิสัย เกวเล ทั้งมวล ภณิตํ จึงตรัสแล้ว.[1]

 

‘‘อิธ, มหาราช, มนุสฺเสสุ เอโก ชาติมา โหติ, เอโก ธนวา, เอโก วิชฺชวา, เอโก สิปฺปวา, เอโก สูโร, เอโก วิจกฺขโณ, สพฺเพเปเต อภิภวิย ราชา เยว เตสํ อุตฺตโม โหติ, เอวเมว โข, มหาราช, ภควา สพฺพสตฺตานํ อคฺโค เชฏฺโฐ เสฏฺโฐฯ

มหาราช มหาบพิตร มนุสฺเสสุ บรรดามนุษย์ทั้งหลาย อิธ ในโลกนี้  เอโก มนุษย์บางพวก ชาติมา เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยชาติ โหติ ย่อมเป็น, เอโก ธนวา บางพวกเป็นผู้มีทรัพย์มาก โหติ ย่อมเป็น, เอโก วิชฺชวา บางพวกเป็นผู้มีความรู้ เอโก สิปฺปวา บางพวกเป็นผู้มีศิลปะ เอโก สูโร บางพวกเป็นผู้มีความแกล้วกล้า, เอโก วิจกฺขโณ บางพวก เป็นผู้มีความฉลาดเฉียบแหลม, ราชาเยว พระราชานั่นเทียว อภิภวิย ครอบงำ สพฺเพเปเต ซึ่งมนุษย์ทั้งหลายเหล่านั้นแม้ทั้งปวง อุตฺตโม ทรงเป็นผู้สูงสุด เตสํ แห่งมนุษย์ทั้งหลายเหล่านั้น โหติ ย่อมเป็น ยถา ฉันใด, มหาราช มหาบพิตร ภควา พระผู้มีพระภาค อคฺโค ทรงเป็นผู้เลิศ เชฏฺโฐ เป็นผู้เจริญ เสฏฺโฐ เป็นผู้ประเสริฐสุด สพฺพสตฺตานํ แห่งสัตว์ทั้งปวง เอวเมว โข ฉันนั้นนั่นเทียวแล,

 

‘‘ยํ ปน อายสฺมา พากุโล อปฺปาพาโธ อโหสิ, ตํ อภินีหารวเสน, โส หิ, มหาราช, อโนมทสฺสิสฺส ภควโต อุทรวาตาพาเธ อุปฺปนฺเน วิปสฺสิสฺส จ ภควโต อฏฺฐสฏฺฐิยา จ ภิกฺขุสตสหสฺสานํ ติณปุปฺผกโรเค อุปฺปนฺเน สยํ ตาปโส สมาโน นานาเภสชฺเชหิ ตํ พฺยาธิํ อปเนตฺวา อปฺปาพาธตํ ปตฺโต, ภณิโต จ เอตทคฺคํเป.พากุโลติฯ

ปน แต่ว่า อายสฺมา พากุโล ท่านพระพากุละ อปฺปาพาโธ เป็นมีผู้อาพาธน้อย อโหสิ ได้เป็นแล้ว ยํ ใด, ตํ ตปฺปาพาธตํ ความมีอาพาธน้อยแห่งท่านพระพากุละ นั้น โหติ ย่อมมี อภินีหารวเสน ด้วยอำนาจแห่งบุญที่ตนนำมาเฉพาะแล้ว (อภินิหาร), มหาราช มหาบพิตร อุทรวาตาพาเธ เมื่ออาพาธคือลมในพระอุทร อุปฺปนฺเน เกิดขึ้นแล้ว อโนมทสฺสิสฺส ภควโต แก่พระผู้มีพระภาคอโนมทัสสี, ติณปุปฺผกโรเค เมื่อโรคติณปุปผกะ (คือไข้เพราะหญ้า โรคนี้ เกิดจากต้นไม้ชนิดหนึ่ง มีพิษ แต่ไม่มีดอก เมื่อสัมผัสถูกละอองพิษอันเนื่องจากหมอกลง จึงเกิดเป็นตุ่มคัน ออกสุกออกแดง  คือ โรคอีสุกอีใส มิลิน.นิสสยล้านนา) อุปฺปนฺเน เกิดขึ้นแล้ว ภควโต วิปสฺสิสฺส จ ของพระผู้มีพระภาควิปัสสี ด้วย อฏฺฐสฏฺฐิยา ภิกฺขุสตสหสฺสานํ แก่ภิกษุหกล้านแปดแสนรูป โส ท่านพระพากุละนั้น สยํ ตนเอง ตาปโส เป็นดาบส อปเนตฺวา นำออกแล้ว ตํ พฺยาธิํ ซึ่งโรคนั้น นานาเภสชฺเชหิ ด้วยยาหลายขนาน ปตฺโต บรรลุแล้ว อปฺปาพาธตํ ซึ่งความมีอาพาธน้อย, โส อายสฺมา พากุโล ท่านพระพากุละนั้น ภณิโต อันพระผู้มีพระภาค ตรัส(ยกย่อง)ว่า "ภิกฺขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ยํ อิทํ ขนฺธปญฺจกํ ขันธปัญจกนี้ใด พากุโล คือ ภิกษุพากุละ, เอตํ ขนฺธปญฺจกํ ขันธปัญจกนี้ พากุโล คือ ภิกษุพากุละ อคฺคํ เป็นผู้เลิศ ภิกฺขูนํ แห่งภิกษุทั้งหลาย สาวกานํ ผู้เป็นสาวก มม ของเรา อปฺปาพาธานํ ผู้มีอาพาธน้อย ดังนี้

 

‘‘ภควโต, มหาราช, พฺยาธิมฺหิ อุปฺปชฺชนฺเตปิ อนุปฺปชฺชนฺเตปิ ธุตงฺคํ อาทิยนฺเตปิ อนาทิยนฺเตปิ นตฺถิ ภควตา สทิโส โกจิ สตฺโตฯ ภาสิตมฺเปตํ มหาราช ภควตา เทวาติเทเวน สํยุตฺตนิกายวรลญฺฉเก

‘‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา ทฺวิปทา วา จตุปฺปทา วา พหุปฺปทา วา รูปิโน วา อรูปิโน วา สญฺญิโน วา อสญฺญิโน วา เนวสญฺญีนาสญฺญิโน วา, ตถาคโต เตสํ อคฺคมกฺขายติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธติฯ สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’’ติฯ

มหาราช มหาบพิตร พฺยาธิมฺหิ เมื่อโรค ภควโต ของพระผู้มีพระภาค อุปฺปชฺชนฺเตปิ บังเกิดขึ้นอยู่ ก็ตาม อนุปฺปชฺชนฺเตปิ มิบังเกิดขึ้นอยู่ก็ตาม, ภควติ เมื่อพระผู้มีพระภาค อาทิยนฺเตปิ ทรงถือเอา ก็ตาม อนาทิยนฺเตปิ ไม่ทรงถือเอาอยู่  ธุตงฺคํ ซึ่งธุดงค์, สตฺโต สัตว์ โกจิ ไรๆ สทิโส ผู้เสมอ ภควตา กับด้วยพระผู้พระภาค นตฺถิ ย่อมไม่มี, มหาราช มหาบพิตร เอตํ วจนํ พระดำรัสนั้น ภควตา อันพระผู้มีพระภาค เทวาติเทเวน ผู้ทรงเป็นเทพยิ่งเหล่าเทพ ภาสิตํ ทรงภาษิตไว้ สํยุตฺตนิกายวรลญฺฉเก ในคัมภีร์สังยุตตนิกายอันประเสริฐดังพระราชลัญจกรอันประเสริฐ[2] อิติ ว่า

ภิกฺขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สตฺตา สัตว์ทั้งหลาย อปทา วา ไม่มีเท้า ก็ตาม ทฺวิปาทา วา มีสองเท้า ก็ตาม จตุปฺปาทา วา มีสี่เท้า ก็ตาม พหุปฺปาทา วา มีเท้ามาก ก็ตาม รูปิโน วา มีรูป ก็ตาม อรูปิโน วา ไม่มีรูป ก็ตาม สญฺญิโน วา มีสัญญา ก็ตาม อสญฺญิโน วา ไม่มีสัญญา ก็ตาม เนวสญฺญีนาสญฺญิโน วา มีสัญญาก็ไม่ใช่ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่  ยาวตา มีประมาณเท่าไร, ตถาคโต พระตถาคต อรหํ ผู้เป็นพระอรหันต์ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ตรัสรู้เองโดยชอบ  อกฺขายติ อันบัณฑิตย่อมเรียก อคฺโค ว่าเป็นผู้เลิศ เตสํ แห่งสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น

มิลินฺโท ราชา พระเจ้ามิลินท์ อาห ตรัสแล้ว อิติ ว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสนผู้เจริญ สาธุ พระคุณเจ้าวิสัชนาชอบแล้ว, อหํ ข้าพเจ้า สมฺปฏิจฺฉามิ ยอมรับ เอตํ ซึ่งคำนั้น ตถา โดยประการที่พระคุณเจ้ากล่าวมา เอวํ อย่างนี้ ดังนี้

 

พุทฺธอปฺปาพาธปญฺโห ตติโยฯ

พุทฺธอปฺปาพาธปญฺโห พุทธอัปปาพาธปัญหา ตติโย ลำดับที่สาม

นิฏฺฐิโต จบแล้ว



[1] ความจริง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงยอดเยี่ยมที่สุด ในบรรดาสัตว์ทั้งปวง, แต่พระพากุลเถระ เป็นเพียงสาวกผู้เลิศ ในบรรดาพระสาวกผู้มีอาพาธน้อย, มิใช่ผู้เลิศในสัตว์ทั้งปวง (มิ.ลี.)

[2] อีกนัยหนึ่ง สังยุตนิกายคือดวงตราประทับที่ประเสริฐ (มิลิน.นิส.ล้านนา). น่าจะสื่อความที่นิกายนี้หรือแม้นิกายอีก ๔ เป็นตัวแทนของพระศาสดาเสมือนหนึ่งราชลัญจกรเป็นตัวแทนของพระราชา ฉะนั้น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น