วันจันทร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2568

วิเคราะห์ศัพท์ในคาถาพาหุง (๓/๘)

 

นาฬาคึรึ คชวรํ อติมตฺตภูตํ

ทาวคฺคิจกฺกสมนีว สุทารุณนฺตํ

เมตฺตมฺพุเสกวิธินา ชิตวา มุนินฺโท

ตนฺเตชสา ภวตุ เต ชยมงฺคลานิ.

 

มุนินฺโท พระจอมมุนีพุทธเจ้า ชิตวา ทรงชนะ คชวรํ พระยาช้าง นาฬาคิรึ ชื่อว่านาฬาคิรี อติมตฺตภูตํ ตกมัน สุทารุณนฺตํ ดุร้ายนัก ทาวคฺคิจกฺกมสนี อิว ประดุจไฟป่า เปรียบได้ดังจักราวุธ เหมือนกับสายฟ้า เมตฺตมฺพุเสกวิธินา ด้วยวิธีคือราดรดด้วยน้ำคือเมตตา.

ตนฺเตชสา ด้วยอานุภาพของพระพุทธชัยมงคลนั้น ชยมงฺคลานิ ขอชัยมงคล ภวตุ จงมี เต แก่ท่าน.

..................

๖ ชัยมงคลคาถาที่ ๓ นี้ปรากฏในวินัยปิฎก จุลวรรค นาฬาคิศิเปสนกถา (ตอนพระเทวทัตปล่อยช้างนาฬาคิรี). นอกจากนี้ควรอ่านข้อความก่อนหน้านี้ด้วย คือ ปกาสนกรรมกถา (บาฬีข้อ ๓๓๖ เป็นต้นไป) เพื่อเข้าใจความเป็นมาได้ชัดเจนขึ้น.

..................

[๓] นาฬาคึรึ คชวรํ อติมตฺตภูตํ

ทาวคฺคิจกฺกสมนีว สุทารุณนฺตํ

เมตฺตมฺพุเสกวิธินา ชิตวา มุนินฺโท

ตนฺเตชสา ภวตุ เต ชยมงฺคลานิ.

-----

               ๑. นาฬาคิรึ (นาฬาคิรี + อํ) ซึ่งพญาช้างชื่อ นาฬาคิรี

               นาฬาคิรี (คชวร) พญาช้างนาฬาคิรี[1]

               ลงอํ ทุติยาวิภัตติ ในอรรถกรรม เป็นวิเสสนะของบทว่า คชวรํ ในข้อที่ ๒

---

               ๒. คชวรํ (คช + วร + อํ) ซึ่งพญาช้าง

               ๒.๑ คช (คช ธาตุ มีอรรถว่า สทฺท ร้อง, ส่งเสียงดัง + อ)  ช้าง, สัตว์ที่คำรามเสียงดัง วิเคราะห์ว่า

               คชตีติ คโช

               ช้างที่ร้องคำราม ชื่อว่า คช.

               ๒.๒ วร (วร ​ปตฺถ​นายํ+อ) ​​ประเสริฐ,​สูงสุด,​ประธาน.

               วริตพฺโพ ปตฺเถตพฺโพติ วโร

               สิ่งที่บุคคลปรารถนา ชื่อว่า วร. ความหมายคือ ประธาน หรือ สูงสุด[2]

               คโช จ โส วโรจาติ คชวโร, ตํ

               ช้างด้วย ช้างนั้น เป็นสัตว์ที่เป็นประธาน ด้วย ชื่อว่า คชวระ (ประธาน, พญา)

               ลงอํ ทุติวิภัตติ ในอรรถกรรม เป็นบทกรรมในบทว่า ชิตวา.

 

               ๓. อติมตฺตภูตํ  (อติ + มตฺต  + ภูต)  ที่เป็นช้างที่ตกเมามันเป็นอย่างมาก

               ๓.๑ อติ อย่างยิ่ง

 

               ๓.๑ มตฺต (มท ธาตุ ในอรรถอุมฺมาท บ้าคลั่ง, เมา +ต, ลบ ทฺ, ซ้อน ตฺ) ช้างตกมัน.[3]

               มชฺชตีติ มตฺโต

               ช้างที่บ้าคลั่ง ชื่อ ว่า มตฺต.

               ๓.๑ ภูต เป็นสกัตถศัพท์ มีความหมายซ้ำกับบทหน้า กล่าวคือ เป็นช้างที่บ้าคลั่งตกมันอย่างยิ่ง

               อติมตฺโต เอว ภูโต  อติมตฺตภูโต

               เป็นช้างที่บ้าคลั่งอย่างยิ่ง ชื่อว่า อติมตฺตภูต.

               ลง อํทุติยาวิภัตติ ในอรรถกรรม เป็นวิเสสนะของ คชวรํ ในข้อที่ ๒ 

 

               ๔. ทาวคฺคิจกฺกมสนีว (ทาวคฺคิ + จกฺก + อ อาคม (แปลง อ เป็น ม) อสนี + อิว)  เหมือนกับไฟป่าด้วย เหมือนกับ เป็นเหมือนไฟป่า ดุจจักราวุธ เหมือนฟ้าผ่า

๔.๑ ทาวคฺคิ ไฟป่า

๔.๒ จกฺกํ จักราวุธ (อาวุธคือจักร)

๔.๓ อสนี สายฟ้าผ่า

๔.๔ อิว เปรียบเหมือน

โส นาฬาคิฬิ คโช ทาวคฺคิ อิว จ จกฺกํ อิว จ อสนี อิว จาติ ทาวคฺคิจกฺกํอสนีว, 

ช้างนั้น  เหมือนกับไฟป่าด้วย  เหมือนจักราวุธ ด้วย  เหมือนฟ้าผ่า ด้วย จึงชื่อว่า ทาวคฺคิจกฺกมสนีว

 

               ๕. สุทารุณนฺตํ (สุ + ทารุณ + อุณ + อนฺต + อํ วิภัตติ) น่าสะพรึงกลัว

               ๕.๑ สุ เป็นอุปสัค ชนิดคล้อยตามอรรถเดิมของธาตุ คือ ไม่มีความหมายพิเศษ

               ๕.๒ ทารุณ (ทร ธาตุ มีอรรถว่า ภย กลัว + อุณ)

               ทรียตีติ ทารุโณ.

               ผู้อันบุคคลย่อมกลัว ชื่อว่า ทารุณ.

               ๕.๓ อนฺต ลงในอรรถสกัตถ์ มีอรรถของบทหน้า คือ น่าสะพรึงกลัว   

               ลง อํ ทุติยาวิภัตติเป็นวิเสสนะของ คชวรํ ในข้อที่ ๒. 

 

               ๖. เมตฺตมฺพุเสกวิธินา (เมตฺตา + อมฺพุ + เสก + วิธิ + นา วิภัตติ) ด้วยอุบายวิธีคือรดซึ่งน้ำคือพระเมตตา

๖.๑ เมตฺตา (มิท​ ธาตุ มีอรรถว่า เสฺน​ห ความรัก + ต + อา อิตถีโชตกปัจจัย, ลบ​ ท, ​ซ้อน ​ตฺ,​ วุ​ทธิ ​อิ​เป็น​ เอ,​ลบ​สระ​หน้า)​​ เมตตา, ความเป็นมิตร

มิชฺชติ สิเนหตีติ เมตฺตา

ความ​รัก​ที่​เอ็นดู ​ชื่อ​ว่า ​เมตฺตา.

๖.๒ อมฺพุ (อมฺพ ธาตุ มีอรรถว่า สทฺท ส่งเสียง  +  อุ) น้ำ

อมฺพตีติ อมฺพุ.

น้ำ​ที่​ส่ง​เสียง ​ชื่อ​ว่า ​อมฺพุ.​[4]

๖.๓ เสก (สิจ ธาตุ มีอรรถว่า เสจน รด + ณ, แปลง จ เป็น ก)

เสจนํ เสโก

การรด

๖.๔ วิธิ วิธีการ, อุบายวิธี, แนวทาง

เมตฺตา เอว อมฺพุ เมตฺตมฺพุ

น้ำคือเมตตาชื่อว่า เมตฺตมฺพุ.

เมตฺตมฺพุโน เสโก

การรดซึ่งน้ำคือเมตตา ชื่อว่า เมตฺตมฺพุเสก.

เมตฺตมฺพุเสโก เอว วิธิ เมตฺตมฺพุเสกวิธิ

วิธีคือการรดด้วยน้ำคือเมตตา ชื่อว่า เมตฺตมฺพุเสกวิธิ.

               ลง นา ตติยาวิภัตติ เป็นบทกรณะในบทว่า ชิตวา

 

***

แสดงการวิเคราะห์ศัพท์

ในคาถามีคำเริ่มต้นว่า นาฬาคิริํ จบ

---



[1] ช้างตัวนี้ (นาฬาคิริ) นี้ ในบาฬีเรียกว่า ธนปาละ เพราะชาวเมืองราชคฤห์บูชาด้วยทรัพย์กองใหญ่ จึงเรียกว่า ธนปาละ (ช้างที่ได้การบูชาด้วยทรัพย์. สี.ฏี.๒/๑๖๐) ในคัมภีร์อรรถกถาอปทาน อธิบายว่า เดิมชื่อว่า นาฬาคิรี แต่ในคราวที่ถูกมอมสุราปล่อยมาเพื่อทำร้ายพระพุทธองค์ เมื่อถูกพระองค์ทรงกำราบด้วยการแผ่เมตตาให้จนกระทั่งคลายความดุร้าย จึงได้รับการบูชาจากมหาชนด้วยทรัพย์กองหนึ่งประมาณเท่าหัวเขา แต่นั้นมา จึงเรียกช้างนี้ว่า ธนปาล.

[2] อีกนัยหนึ่ง คชานํ วโร คชวโร = ประธาน, พญา แห่งช้างทั้งหลาย ชื่อว่า คชวระ. อนึ่ง วร ศัพท์ แม้จะมีความหมายตามศัพท์ว่า สิ่งที่ปรารถนา ก็จริง แต่กระนั้นก็หมายอาความเป็นประธาน ที่บุคคลทั้งหลายโดยมากปรารถนา ดังที่คัมภีร์อภิธาน. คาถาที่ ๖๙๔.๖๙๕.๖๙๖.จัดเก็บคำบาฬีว่า วร นี้อยู่ในกลุ่มคำศัพท์ ๒๖  คำที่มีความหมายว่า ประเสริฐ, สูงสุด, ประธาน คือ  อุตฺตม, ปวร, เชฏฺฐ, ปมุข, อนุตฺตร, วร, มุขฺย, ปธาน, ปาโมกฺข, ปร, อคฺคญฺญ, อุตฺตร, ปณีต, ปรม, เสยฺย, คามณี, เสฏฺฐ, สตฺตม, วิสิฏฺฐ, อริย, นาค, เอก, อาสภ, อคฺค, โมกฺข.

[3] แม้ศัพท์เดิมที่มาในบริบทอื่นๆ หมายถึง ผู้บ้า, เมา ก็จริง แต่ในที่นี้ หมายถึง ช้างที่ตกมัน ดังคัมภีร์อภิธาน. คาถาที่ ๓๖๒ ระบุว่า มตฺต เป็นชื่อหนึ่งรวมอีก ๒ ศัพท์ เป็น ๓ ศัพท์ที่หมายถึงช้างตกมัน คือ  ปภินฺน และ คชฺชิต.

[4] อีกนัยหนึ่ง สทฺทํ อมฺพติ กโรตีติ อมฺพุ (อมฺพ ธาตุ มีอรรถว่า กรณ กระทำ + อุ) น้ำที่ทำให้มีเสียงดัง ชื่อว่า อมฺพุ. (ธาน.๖๖๑) ความหมายนี้ คิดว่า ท่านคงนำคุณสมบัติของน้ำที่เมื่อไหลไป หรือกระทบสิ่งต่างๆแล้วจะมีเสียงซู่ๆเป็นต้น มาตั้งชื่อของน้ำ.





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น