วิเคราะห์ศัพท์ในคาถาพาหุง (๘/๘)
*****
ทุคฺคาหทิฏฺฐิภุชเคน
สุทฏฺฐหตฺถํ
พฺรหฺมํ
วิสุทฺธิชุติมิทฺธิพกาภิธานํ
ญาณาคเทน
วิธินา ชิตวา มุนินฺโท
ตนฺเตชสา ภวตุ เต ชยมงฺคลานิ.
มุนินฺโท
พระจอมมุนีพุทธเจ้า ชิตวา ทรงชนะ พฺรหฺมํ ซึ่งพรหม อิทฺธิพกาภิธาน นามว่า พกาพรหม
ผู้มีฤทธิ์ ทุคฺคาหทิฏฺฐิภุชเคน สุทฏฺฐหตฺถํ
มีมืออันอสรพิษคือมิจฉาทิฏฐิที่ตนยึดไว้ขบกัดแล้ว วิสุทฺธิชุตึ
สาคัญตนว่ารุ่งเรืองด้วยคุณบริสุทธิ์ (หรืออีกนัยหนึ่ง วิสุทฺธิชุตึ ซึ่งบริสุทธิผ่องใส.) ญาณาคเทน
วิธินา ด้วยวิธีคือการประกอบโอสถคือเทสนาญาณ. ตนฺเตชสา
ด้วยอานุภาพของพระพุทธชัยมงคลนั้น ชยมงฺคลานิ ขอชัยมงคล ภวตุ จงมี เต แก่ท่าน.
---
๑๒
ชัยมงคลคาถาที่ ๘ นี้ปรากฏในมัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ พรหมนิมันตนิกสูตร บาฬีข้อ
๕๐๑.
******
วิเคราะห์ศัพท์ในคาถาพาหุง (๘/๘)
****
[๘] ทุคฺคาหทิฏฺฐิภุชเคน
สุทฏฺฐหตฺถํ
พฺรหฺมํ
วิสุทฺธิชุติมิทฺธิพกาภิธานํ
ญาณาคเทน
วิธินา ชิตวา มุนินฺโท
ตนฺเตชสา ภวตุ
เต ชยมงฺคลานิ.
----
๑. ทุคฺคาหทิฏฺฐิภุชเคน (ทุคฺคาห +
ทิฏฺฐิ + ภุชค + นา ตติยาวิภัตติ) อันงูพิษคือความเห็นเป็นเครื่องยึดถือผิด (มิจฉาทิฏฐิ) เป็นบทอนภิหิกัตตาในบทว่า
สุทฏฺฐ-...
ทุคฺคาหทิฏฺฐิ
เอว ภุชโค ทุคฺคาหทิฏฺฐิภุชค, เตน.
งูคือความเห็นเป็นเครื่องยึดถืออันผิด
ชื่อว่า ทุคฺคาหทิฏฺฐิภุชค, อันงู...เครื่องยึดถือผิด นั้น ฉกกัดแล้ว
๑.๑ ทุคฺคาห (ทุ ผิด + คห
ธาตุมีอรรถว่า ยึดถือ + ณ ปัจจัย) เป็นเครื่องยึดถือผิด ความหมายเท่ากับ มิจฺฉา
ผิด[1]
๑.๒ ทิฏฺฐิ (ความเห็น ทิส
มีอรรถว่า เห็น + ติปัจจัย)
ทสฺสนํ
ทิฏฺฐิ
ความคิดเห็นชื่อว่า
ทิฏฐิ.
๑.๓ ภุชค (คมุ
ธาตุมีอรรถว่า ไป โดยมี ภุช ขนด เป็นอุปบท + กฺวิ ปัจจัย) งู
ภุเชน
คจฺฉตีติ ภุชโค
สัตว์ผู้ไปด้วยขนด
ชื่อว่า ภุชค
๒. สุทฏฺฐหตฺถํ (สุ + ทฏฺฐ +
หตฺถ + อํ ทุติยาวิภัตติ) ผู้มีมืออันงูคือมิจฉาทิฏฐิฉกกัดแล้ว
เป็นบทวิเสสนะของบทว่า พฺรหฺมํ.
(ทุคฺคาหทิฏฺฐิภุชเคน) สุทฏฺโฐ
หตฺโถ ยสฺส โส สุทฏฺฐหตฺโถ, ตํ พฺรหฺมํ.
มือของพรหมใด
อันงูคือความเห็นเป็นเครื่องยึดถือผิด ฉกกัดแล้ว พรหมนั้น ชื่อว่า สุทฏฺฐหตฺโถ
มีมืออันงูคือมิจฉาทิฏฐิฉกกัดแล้ว.
๒.๑
สุทฏฺฐ (ทํส ธาตุ มีอรรถว่า ขบ, กัด + ตปัจจัย) ผู้อันงูคือมิจฉาทิฏฐิขบกัด
(ฉก) แล้ว
ท้ายธาตุที่มี ส
เป็นที่สุด แปลง ต ปัจจัยพร้อมกับที่สุดธาตุเป็น ฏฺฐ.
๒.๒
หตฺถ มือ เป็นคำนาม มีรากศัพท์จาก หส หสเน + ถ ปัจจัย
หสนฺติ อเนนาติ หตฺโถ
มือที่ช่วยให้สนุกสนาน
(คือเป็นเหตุให้รู้ว่ากำลังสนุกสนาน โดยกริยาต่างๆมีการปรบมือ, ร่ายรำ,
ส่ายมือเป็นต้น) ชื่อว่า หตฺถ. แปลง สฺ เป็นตฺ
หรือมาจาก
หนธาตุ หิํสายํ ในการเบียดเบียน + ถ, แปลง นฺ เป็น ต
อวยวานิ หนติ เอเตนาติ หตฺโถ
มือช่วยเบียดเบียนอวัยวะ (มีการตีและการเกาเป็นต้น) ชื่อว่า หตฺถ.
หรือมาจาก
หร ธาตุ หรเณ ในการนำไป + ถ, แปลง รฺ เป็น ตฺ
หรนฺติ อเนนาติ หตฺโถ
มือที่ช่วยถือไป
ชื่อว่า หตฺถ
๓. พฺรหฺมํ (พฺรหฺม + อํ
ทุติยาวิภัตติ) พรหม เป็นบทกรรมในบทว่า ชิตวา
พฺรหฺม (พฺรูห ธาตุ
มีอรรถว่า วฑฺฒน เพิ่มขึ้น + มปัจจัย.
เตหิ เตหิ คุณวิเสเสหิ
พฺรูหิโตติ พฺรหฺมา (ม.มู.อ.๑/๑๖)ฯ
ผู้เจริญด้วยคุณวิเศษนั้น
ชื่อว่า พรหม. ในที่นี้ได้แก่ อุปปัตติพรหม.
๔. วิสุทธิชุตึ (วิสุทฺธิ +
ชุติํ) ผู้รุ่งเรืองด้วยคุณอันบริสุทฺธิ์ เป็นบทวิเสสนะของบทว่า
พฺรหฺมํ ในข้อที่ ๓
วิสุทฺธิยา
โชตตีติ วิสุทฺธิชุติ, ตํ
ผู้รุ่งเรืองด้วยคุณอันบริสุทธิ์
ชื่อว่า วิสุทฺธิชุติ, ซึ่งพรหมผู้รุ่งเรืองด้วยคุณอันบริสุทธิ์.
ในคำว่า วิสุทฺธิชุติํ
นี้ มีความหมายของแต่ละศัพท์ดังนี้
๔.๑วิสุทธิ
บริสุทธิ์ เป็นคุณศัพท์ขยายความบทว่า ชุติํ
๔.๒
ชุติ (ชุต ธาตุ มีอรรถว่า สว่างไสว, รุ่งเรือง+ อิ ปัจจัย) ผู้สว่างไสว
๕. อิทฺธิพกาภิธานํ (อิทธี + พก +
อภิธานํ) ผู้มีฤทธิ ชื่อว่า พกะ
พโก อิติ สทฺโท
อภิธานํ ยสฺส โสยํ พกาภิธาโน
คำว่า
พกะ เป็นชื่อ ของพรหมใด พรหมนั้น ชื่อว่า มีคำว่า พกะ เป็นชื่อ (ชื่อว่า พกะ)
อิทฺธี จ โส
พกาภิธาโน จาติ อิทฺธิพกาภิธาโน, ตํ.
ผู้มีฤทธิ์
ด้วย ผู้มีฤทธิ์นั้น มีชื่อว่า พกะ ด้วย ชื่อว่า อิทฺธิพกาภิธาโน,
ซึ่งพรหมผู้มีฤทธิ์ ชื่อว่า พกะ.
ในคำว่า
อิทฺธิพกาภิธานํ นี้ มีความหมายของแต่ละศัพท์ดังนี้ คือ
๕.๑ อิทฺธิ (อิทฺธิ + อี อัสสัตถิตัทธิต)
ผู้มีฤทธิ์
อิทฺธิ อสฺส
อตฺถีติ อิทฺธี
ผู้มีฤทธิ์ ชื่อว่า อิทฺธี.
๕.๒ พก (พกสทฺโท) คำว่า พกะ
๕.๓ อภิธานํ (อภิธาน) ชื่อ
๖. ญาณาคเทนวิธินา (ญาณ + อคท =โอสถ,ยา
+ วิธิ + นา ตติยาวิภัตติ)
ด้วยวิธีการใช้ยาคือเทศนาญาณรักษาพกพรหมผู้ถูกงูคือมิจฉาทิฏฐิขบกัด
โดยแสดงธรรมให้คลายความเห็นผิดนั้นได้.[2]
๖.๑ ญาณ พระพุทธญาณ
ในที่นี้ได้แก่ เทศนาญาณ
๖.๒ อคท โอสถ,ยา
คำนี้แสดงการเปรียบเทียบว่า ยา คือ เทศนาญาณ
๖.๓ วิธิ อุบาย, วิธี
ญาณอคเทน เอว วิธินา ญาณาคเทนวิธิ,
เตน
ทรงชนะแล้ว
ด้วยวิธีคือการประกอบโอสถคือเทศนาญาณ
ลบ
สระหน้า คือ อ แล้วทีฆะสระอ ที่บทหลัง คือ อคท.
อนึ่ง
เมื่อควรจะใช้คำบาฬีว่า ญาณาคทวิธินา แต่ท่านใช้เป็น ญาณาคเทนวิธินา
โดยเป็นอลุตตสมาส.
เป็นกรณะในบทว่า ชิตวา.
***
แสดงการวิเคราะห์ศัพท์
ในคาถามีคำเริ่มต้นว่า
ทุคฺคาห จบ
-----
[1] ข้อคิดเห็น
คำนี้มาคู่กับ
ทุ จึงควรเป็นคำเดียวกันว่า ทุคฺคาห แปลว่า ถือไว้ผิด โดยมีความหมายว่า
มิจฺฉา และเป็นวิเสสนะของทิฏฺฐิ ดังนั้น
คำว่า ทุคฺคาหทิฏฺฐิ แปลว่า ความเห็นผิด ตัดบทเป็น ทุคฺคาห + ทิฏฺฐิ
โดยเป็นกัมมธารยสมาสก็ควร มีรูปวิเคราะห์ว่า ทุคฺคาโห = มิจฺฉา + ทิฏฺฐิ ธรรมเป็นเครื่องยึดถืออันผิด
ชื่อว่า ทุคฺคาห. ทุคฺคาโห จ โส ทิฏฺฐิ
จาติ ทุคฺคาหทิฏฺฐิ, มิจฺฉาทิฏฺฐีติ วุตฺตํ โหติ ผิดด้วย ผิดนั้น
เป็นความเห็นด้วย ชื่อว่า ทุคฺคาหทิฏฺฐิ ทิฏฐิเป็นเครื่องยึดถือไว้ผิด ได้แก่
มิจฉาทิฏฐิ (ความเห็นผิด).
[2]
อีกนัยหนึ่ง ญาณอาคเทน เอว วิธินา ญาณาคเทนวิธิ, เตน ทรงชนะแล้ว
ด้วยวิธีคือเทศนาญาณ (ญาณ + อาคท =
พระสุรเสียง + วิธิ + นา ตติยาวิภัตติ, ลบสระอ ข้างหน้า
เพราะสระอาที่บทหลังคือ อาคท.) กรณีนี้ หมายถึง
ด้วยวิธีการใช้พระสุรเสียงแสดงธรรม(เทศนาญาณ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น